ดาวโจนส์เปิดตลาดแดนบวกคาด ผลสอบสวน “ทรัมป์”ไม่แรงถึงพ้น ตำแหน่ง

  • ระบุเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ที่ถูกกล่าวโทษประพฤติตนไม่เหมาะสม
  • แต่ตลาดคาดการณ์ในแง่ดีว่าจะ “ไม่ถึงต้องออกจากตำแหน่ง”
  • จับตาสถานการณ์ตะวันออกกลาง-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ

เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยูที่ 26,948.62 จุดเพิ่มขึ้น 57.50 จุด หรือ +0.21% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,024.73 จุด ลดลง 5.93 จุด หรือ -0.07% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,980.49 จุด เพิ่มขึ้น 2.87 จุด หรือ +0.10%

วันที่ 4 ของกระบวนการถอดถอนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กรณีที่มีการเจรจากับประธานาธิบดีบูเครน เพื่อให้ตรวจสอบนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งสมัยหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2563

ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า นายทรัมป์จะเป็นประธานาธิบดี คนที่ 3 ที่ถูกกล่าวโทษเนื่องจากประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ แต่คงไม่ถึงขั้นต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยการคาดการณ์ในทิศทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 60% โดยนักลงทุนเพียง 18% เท่านั้นมองว่านายทรัมป์จะต้องออกจากตำแหน่ง

ราคาน้ำมันอยู่ในภาวะปั่นป่วน โดยอัตราค่าระวางสำหรับการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังเอเชียพุ่งขึ้นเกือบ 30% ในวันนี้ ท่ามกลางภาวะปั่นป่วนในตลาดการขนส่งน้ำมันทั่วโลก หลังจากที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทในเครือของ COSCO ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ใหญ่ที่สุดของจีน เนื่องจากพบว่าบริษัทพัวพันกับการขนส่งน้ำมันดิบออกจากอิหร่าน

แต่ต่อมามีข่าวของ ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ผู้นำอิหร่าน ที่ออกมากล่าว่า สหรัฐได้ยื่นข้อเสนอที่จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดต่ออิหร่าน เพื่อแลกกับการเจรจากับอิหร่าน แม้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว แต่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดิ่งลง โดยในช่วงหัวค่ำวันนี้ ตามเวลาประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 91 เซนต์ หรือ 1.61% สู่ระดับ 55.50 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. อย่างไรก็ตาม รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค.ขณะที่ตัวเลขค่าจ้างเพิ่มขึ้น 0.6%