ดาวโจนส์เคลื่อนไหวลดลงกว่า 240 จุด ไม่มั่นใจการใช้จ่ายฟื้นตัว

.นักลงทุนกลับมาขายหุ้น หลังไม่มั่นใจการฟื้นตัวของการใช้จ่าย หลังยอดค้าปลีกไม่ขยับ
.บิ๊กค้าปลีกอีกค่าย “ทาร์เก็ต” กำไรในไตรมาส 2 ทรุดตัวลงเกือบ 90%
.ตลาดจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 26-27 ก.ค.คืนนี้

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,909.04 จุด ลดลง
242.97 จุด หรือ -0.71% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,902.28 จุด ลดลง 200.27 จุด หรือ -1.53% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,265.32 จุด ลดลง 39.88 จุด หรือ -0.93%

หลังจากการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ และโฮม ดีโปท์ วอลมาร์ท วันนี้นักลงทุนผิดหวังกับผลประกอบการของทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 2 ทรุดตัวลงเกือบ 90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทต้องทำการลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อกจำนวนมากที่ยังคงอยู่ในคลังสินค้า ส่งผลให้หุ้นทาร์เก็ตร่วงแรง และหุ้นกลุ่มค้าปลีกลดลงตามด้วย

ก่อนหน้านี้ ทาร์เก็ตสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุน หลังเปิดเผยกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาสแรก โดยระบุว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 2.19 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.07 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและค่าขนส่งที่พุ่งขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นทาร์เก็ตดิ่งลงเกือบ 25% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 35 ปี

อย่างไรก็ตาม บริษัทโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ในส่วนของรายได้ต่ำกว่าคาดการณ์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนก.ค. หรือเพิ่มขึ้น 0.0% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมิ.ย. โดยการชะลอตัวของยอดค้าปลีกในเดือนก.ค.ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงของสถานีบริการน้ำมันอันเนื่องจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน

โดยยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนมิ.ย.

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของสโมสรฟุตบอล “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นกว่า 4% ในวันนี้ หลังมีข่าวว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ แสดงความสนใจที่จะซื้อสโมสรฟุตบอลดังกล่าว

นายมัสก์ได้สร้างความฮือฮาในวันนี้ด้วยการโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ระบุว่า เขาจะซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะยอมรับว่าข้อความดังกล่าวเป็นเพียงคำพูดเล่นเท่านั้น

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด