ดาวโจนส์เคลื่อนไหวบวกกว่า 100 จุด เงินเฟ้อผู้ผลิตต่ำกว่าคาด-ตลาดแรงงานไม่แข็งแกร่ง

.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสม รวมทั้งเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทที่จะเริ่มทยอยประกาศออกมา
.ดัชนีตลาดได้แรงหนุนจากดัชนีอัตราเงินเฟ้อผู้ผลิต PPI ออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด
.ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 23,000 ราย สวนทางคาดการณ์จะลดลง

เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 36,398.64 จุด
เพิ่มขึ้น 108.32 จุด หรือ +0.30% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,189.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.00 จุด หรือ +0.01% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,730.04 จุด เพิ่มขึ้น 3.69 จุด หรือ +0.08%

ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาอยู่ในแดนบวกต่อเนื่อง นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสม หลังจากเทขายหุ้นในช่วงก่อนหน้า กังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร็วกว่า กำหนด อย่างไรก็ตาม ดัชนีอัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด และตลาดแรงงานที่มีความผันผวน ช่วยลดความกังวลดังกล่าว ทำให้บรรยากาศกลับมาในทิศทางบวกอีกครั้ง

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI หรือ ดัชนีอัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 9.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี แม้จะเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 หรือมากกว่า 10 ปี แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.8% หลังจากดีดตัวขึ้น 9.6% ในเดือนพ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย.

ดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย.

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐ ยังเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 23,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.2564 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 200,000 ราย

นอกจากนั้น ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ประกาศในครั้งนี้ กลับมาสูงกว่าสูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ตลาดจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้ โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดี