ดาวโจนส์ผันผวน เคลื่อนไหวแดนบวกกว่า 40 จุด ตามติดเศรษฐกิจสหรัฐฯ

Business team investment trading do this deal on a stock exchange. People working in the office.

.จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 หนุนหุ้นที่ปรับตัวตามเศรษฐกิจดีขึ้น
. นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/65 พรุ่งนี้
.ราคาบ้านในสหรัฐได้เริ่มชะลอตัวในเดือนเม.ย. ผลกระทบดอกเบี้ยพุ่ง

เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,479.75 จุด เพิ่มขึ้น
41.49 จุด หรือ +0.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,439.47 จุด ลดลง 85.08 จุด หรือ -0.74% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,894.74 จุด ลดลง 5.37 จุด หรือ -0.14%

ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงผันผวน นักลงทุนจับจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมาในสัปดาห์หน้า

หุ้นกลุ่มเปิดเมือง เช่น สายการบิน เรือสำราญ โรงแรม และกาสิโน ต่างพุ่งขึ้นในการซื้อขายวันนี้ ขานรับจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยจีนประกาศลดระยะเวลากักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในสถานที่ซึ่งรัฐบาลจัดเตรียมไว้เหลือเพียง 7 วัน จากเดิม 14 วัน ส่วนการกักตัวที่บ้านพักหลังจากนั้นได้ลดลงเหลือเพียง 3 วัน จากเดิม 7 วัน

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยมีการประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าธนาคารส่วนใหญ่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test)

ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่งลงในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงตามที่มีความวิตกก่อนหน้านี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดที่ 3.50% ในปลายปี 2565 ซึ่งลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.75%

นักลงทุนจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/65 ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.5% จากเดิมรายงานว่าหดตัวเพียง 1.4% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.3%c]tหากเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวต่อไปในไตรมาส 2/65 ก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ราคาบ้านในสหรัฐได้เริ่มชะลอตัวในเดือนเม.ย. โดยดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 20.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าระดับ 20.6% ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 21.1% ในเดือนมี.ค.

นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มชะลอตัวลงจากการที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดีดตัวขึ้น ส่งผลให้ยอดขายบ้านและราคาบ้านปรับตัวลง ขณะที่สต็อกบ้านเริ่มเพิ่มมากขึ้น