ดาวโจนส์ปิดลบ 164จุด กังวลเฟดลดวงเงินอัดฉีดเศรษฐกิจ

.นักลงทุนขายหุ้นทำกำไร หลังรายงานเฟดระบุ กังวลเงินเฟ้อสูง
.ตลาดกังวลเฟดปรับนโยบายการเงินขึ้นดอกเบี้ย ลดวงเงินซื้อพันธบัตร
.บิตคอยน์ร่วงหนัก ทำหุ้นกลุ่มบล็อกเชน ร่วงตามด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 19พ.ค.ที่ 33,896.04 จุด ลดลง 164.62 จุด หรือ -0.48% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,115.68 จุด ลดลง 12.15 จุด หรือ -0.29% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,299.74 จุด ลดลง 3.90 จุด หรือ -0.03%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เปิดเผยรายงานการประชุมของวันที่ 27-28 เม.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หลังจากที่เฟดได้คงนโยบายผ่อนคลายการเงินในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่กรรมการเฟดส่วนหนึ่งได้เสนอให้มีการเปิดอภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการ QE โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว, จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง และประชาชนในสหรัฐได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น

นักลงทุนขายหุ้นในแทบทุกกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุดหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.40% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.77% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.98% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.22% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 3.05%

หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนร่วงลง หลังราคาบิตคอยน์ทรุดตัวลงเกือบ 30% เมื่อคืนนี้ หลังจากรัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้สถาบันการเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต และเตือนไม่ให้นักลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินคริปโตเพื่อเก็งกำไร โดยหุ้น Riot Blockchain ร่วงลง 5.56% หุ้น Marathon Digital ร่วงลง 5.57% หุ้น Coinbase ดิ่งลง 5.94%

ทั้งนี้ สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติของจีน, สมาคมการธนาคารของจีน และสมาคมการชำระหนี้ของจีนได้แถลงคำสั่งร่วมกันเมื่อวานนี้ว่า สถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคารและช่องทางต่างๆที่รับชำระเงินทางออนไลน์ จะไม่สามารถให้บริการใดๆ เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตแก่ลูกค้าได้ เช่น การจดทะเบียน, การซื้อขาย, การชำระบัญชี และการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต เนื่องจากรัฐบาลจีนกังวลว่า ราคาสกุลเงินคริปโตที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงนั้น จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินของประชาชน และจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของจีน

หุ้นโลว์สซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 1.01% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ที่ระดับ 3.21 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.62 ดอลลาร์ โดยโลว์สเป็นคู่แข่งของโฮม ดีโปท์

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.17% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.25% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดขึ้น 0.29%