- นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการประชุมเฟด
- ยังคาดหวังลดดอกเบี้ยนโยบายต่ออีก0.25%กระตุ้นเศรษฐกิจ
- จับตาการลงนามข้อตกลงการค้ารอบใหม่ จีน–สหรัฐฯส่อแววขัดแย้ง
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 29 ต.ค.ที่ระดับ 27,070.68 จุด ปรับตัวลง 20.04 จุด หรือ 0.07% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,036.88 จุด ลดลง 2.54 จุด หรือ 0.08% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ลดลง 49.14 จุดหรือ 0.59% ปิดที่ 8,276.85 จุด
นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อ จับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์นี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 29-30 ต.ค.
นอกจากนั้น ยังมีความไม่แน่นอนในการลงนามเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯอีกครั้ง หลังจากที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน อาจไม่มีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปค) ที่ประเทศชิลีในเดือนหน้า โดยมีสาเหตุจากการที่ทั้งสองฝ่ายยังคงต้องใช้เวลาในการเจรจามากขึ้น
ซึ่งสวนทางกับข่าวที่ออกมาก่อนว่า ซึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกนอกรอบการประชุมเอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16-17 พ.ย. อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวระบุว่า กำหนดวันในการลงนามข้อตกลงของผู้นำทั้งสองยังคงไม่มีความชัดเจน
ขณะที่ทางด้านหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเช่นกัน ระบุว่า ปธน.ทรัมป์และปธน.สีจิ้นผิงจะลงนามในข้อตกลงการค้าในวันที่ 17 พ.ย. “หากทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น”
ขณะที่ข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป EU (Brexit) ยังคงเป็นอีกคามเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกโดยนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า การที่สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเส้นตายการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) ในครั้งนี้ อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ EU ที่จะขยายเส้นตายแล้ว
โดยที่ผ่านมา มีการขยายเส้นตายมาแล้วหลายครั้ง โดยอังกฤษมีกำหนดแยกตัวจาก EU ในวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งได้ถูกขยายออกไปเป็นวันที่ 12 เม.ย. และจากวันดังกล่าวก็ได้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 31 ต.ค. ขณะที่ EU ขยายเส้นตายครั้งหลังสุดนี้เลื่อนเป็นวันที่ 31 ม.ค.2563
