.ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังอยู่ในภาวะซึมเศร้า ห่วงปัจจัยลบกระทบเศรษฐกิจ
.นักลงทุนเทขายหุ้นต่อเนื่อง กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบต้นทุนบริษัทจดทะเบียน
.หุ้นกลุ่มส่งออก-ลงทุนต่างประเทศถูกกระทบจากดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 26ก.ย.ที่ 29,260.81 จุด ร่วงลง 329.60 จุด หรือ -1.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,655.04 จุด ลดลง 38.19 จุด หรือ -1.03% ขณัที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 10,802.92 จุด ลดลง 65.00 จุด หรือ -0.60%
ตลาดหุ้นสหรัฐยังอยู่ท่ามกลางคงามผันผวน โดยได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีผลทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. และปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือนธ.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย.,ก.ค.,ก.ย.และพ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน โดยดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ
ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของรัฐบาลอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะตลาดหมีแล้วในวันจันทร์ เนื่องจากดัชนีทรุดตัวลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ปีนี้ ซึ่งเข้าเกณฑ์คำนิยามภาวะตลาดหมี
ส่วนดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับ 32.88 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.
หุ้นแทบทุกกลถ่มปิดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงหนักสุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ หุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 1.14% หุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ดิ่งลง 3.01%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 2% โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 5.17% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.38% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.63% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.06%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มกาสิโนพุ่งขึ้น ขานรับรายงานที่ว่าเขตปกครองพิเศษมาเก๊าเตรียมเปิดรับกรุ๊ปทัวร์จีนในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเปิดรับครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ทั้งนี้ หุ้นลาเวกัส แซนด์ส พุ่งขึ้น 11.72% หุ้นวินน์ รีสอร์ทส์ พุ่งขึ้น 11.99% หุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ทะยานขึ้น 25.47%
