ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 244 จุด นักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจฟื้นช้ากว่า คาด

.ตลาดได้รับแรงกดดันหลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ไม่คืบหน้า
.นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียงต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยง
.รัฐบาลสหรัฐจะบล็อกการดาวน์โหลดแอพ WeChat และTikTok ของจีน 20ก.ย.นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 18 ก.ย.ที่ 27,657.42 จุด ลดลง 244.56 จุด หรือ -0.88%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,319.47 จุด ลดลง 37.54 จุด หรือ -1.12% และดัชนีแนสแเด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,793.28 จุด ลดลง 116.99 จุด หรือ -1.07%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังรอบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐ, ความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ และนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างซบเซา

นักลงทุนยังคงวิตกหลังจสกที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีความไม่แน่นอนสูงและต้องการมาตรการการคลังเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐซึ่งมีความสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 และจะช่วยให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เพื่อลดความเสี่ยง โดยหุ้นแอปเปิล ร่วง 3.17%, หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.24%, หุ้นแอมะซอนดอทคอม ร่วงลง 1.79% และหุ้นอัลฟาเบท ร่วง 2.38%

หุ้นออราเคิล ร่วงลง 0.7% หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐแถลงในวันศุกร์ว่า ทางกระทรวงจะระงับการทำธุรกรรมใดๆ ของภาคธุรกิจสหรัฐที่เกี่ยวกับวีแชท (WeChat) และติ๊กต็อก (TikTok) ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้

แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. รัฐบาลสหรัฐจะบล็อกการดาวน์โหลด WeChat และTikTok ซึ่งหมายความว่า แอปเปิลและกูเกิลจะต้องลบแอป WeChat และ TikTok ออกจากแอปสโตร์

นอกจากนี้ บรรดาบริษัทสหรัฐจะไม่สามารถให้บริการโอนเงิน หรือดำเนินการชำระเงินผ่านทาง WeChat ได้อีกต่อไป

นักลงทุนยังคงจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกที่ทะลุ 30ล้านคนไปแล้ว และประเทศในแถบยุโรปตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซได้ประกาศมาตรการควบคุมครั้งใหม่ในวันศุกร์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวในเมืองใหญ่ และมีรายงานว่าอังกฤษกำลังพิจารณาที่จะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง

แต่หุ้นเทสลา พุ่งขึ้นสวนทางตลาด 4.4% หลังนักวิเคราะห์ 2 ราย ปรับเพิ่มราคาของหุ้นเทสลาก่อนเปิดงาน “Battery Day” ในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจมีทิศทางที่ฟื้นตัว ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 78.9 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 75.0 จากระดับ 74.1 ในเดือนส.ค.

ขณะที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค.และ 3.1% ในเดือนมิ.ย. และ

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐพุ่งขึ้น 52.9% สู่ระดับ 1.705 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี หลังจากขาดดุล 1.115 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก

โดยล่าสุดนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 30% ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์

ส่วนเฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 32% ในไตรมาส 3 หลังจากหดตัวลง 31.7% ในไตรมาส 2 อันเนื่องจากมาตรการชัตดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19