ดาวโจนส์ปิดบวก123จุด มองเศรษฐกิจฟื้นแข็งแกร่ง

.นักลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง
.ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเม.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุด
.อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังมีแรงขายต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 21 พ ค.ที่ 34,207.84 จุด เพิ่มขึ้น 123.69 จุด หรือ +0.36% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,155.86 จุด ลดลง 3.26 จุด หรือ -0.08% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,470.99 จุด ลดลง 64.75 จุด หรือ -0.48%

นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น โดนมองว่าทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง หลังไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 68.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย.

ดัชนี PMI ได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ส่วนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจดีดตัวขึ้นขานรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง

ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นอยู่ที่ 61.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 60.5 ในเดือนเม.ย. และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ 70.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 64.7 ในเดือนเม.ย.

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ปรับตัวขึ้น อาทิ โบอิ้งและแคทเทอร์พิลลาร์ โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.1% หลังแหล่งข่าวเปิดเผยว่า โบอิ้งมีแผนการขั้นต้นที่จะเพิ่มการผลิตเครื่องบิน 737 MAX จำนวนมากถึง 42 ลำต่อเดือนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีหน้า

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่ง 6.7% หลังประกาศแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นในสหรัฐร่วมกับบริษัทเอสเค อินโนเวชั่นของเกาหลีใต้

หุ้นอินวิเดีย คอร์ป บวก 2.6% หลังประกาศแตกหุ้น 4 ต่อ 1 โดยมีเป้าหมายทำให้ราคาหุ้นถูกลงสำหรับนักลงทุน

หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นอีกกลุ่มที่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงขายในหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มเทคโนโลยี ทำให้ปรับตัวลง 0.59% แล 0.52% ตามลำดับ