- ตัวเลขจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนอง-สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
- นักลงทุนยังคงกังวลความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนรอบใหม่
- ตลาดคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์
เมื่อเวลา 21.20 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 25,292.58 จุด เพิ่มขึ้น 297.47 จุด หรือ +1.19% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 9,270.04 จุด ลดลง 70.18 จุด หรือ 0.70% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,006.31 จุด เพิ่มขึ้น 14.54 จุด หรือ +0.49%
ปัจจัยที่หนุนตลาดยังมีทั้งบวกและลบ โดยนักลงทุนยังคงจับตาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะทำการประกาศมาตรการตอบโต้จีนภายในสัปดาห์นี้ หากจีนบังคับใช้ร่างกฎหมายความมั่นคงต่อฮ่องกง โดยรายงานข่าว คาดว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรจีน ซึ่งอาจจะรวมการดำเนินการของกระทรวงการคลังที่จะควบคุมธุรกรรมและอายัดทรัพย์สินของบริษัทและเจ้าหน้าที่จีน
ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจในหลายๆ ตัวดีขึ้น โดยสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 2.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 9% ในสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 9% เช่นกัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 0.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ทะยานขึ้น 176% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 510,400 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.42% จากระดับ 3.41% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการเปิดห้างสรรพสินค้าและธุรกิจบางส่วนในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ตามมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟสที่สอง
ขณะที่หนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีมีแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมให้เร็วขึ้น 1 สัปดาห์ จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 5 ก.ค. มาเป็นวันที่ 29 มิ.ย. และตั้งเป้าจะยกเลิกคำเตือนการเดินทางไปยัง 31 ประเทศในยุโรปในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้
