ดันนวดไทย “วัดโพธิ์” สร้างอาชีพ รายได้ เสริมแกร่งให้ สตรีไทย

  • กรมการพัฒนาชุมชน จับมือ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)
  • สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างความเข้มแข็งให้สตรีไทย
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและโอทอปนวัตวิถี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมการนวดแผนไทย ในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีกับนายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) โดยมีพระราชรัตนสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์การลงนามMOU ครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ให้สร้างความเข้มแข็งให้สตรีไทย ให้มีอาชีพมีทางเลือก สร้างความเข้มแข็งให้สตรีไทยในชุมชนได้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถทำงานอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ต้องไปทำงานรับจ้างในกรุงเทพมหานครหรือเมืองท่องเที่ยว ดังนั้น การมีความรู้ความสามารถในวิชาหัตถศาสตร์ หรือนวดแผนไทย ก็เป็นทางเลือกที่ดี สามารถใช้ทำอาชีพส่วนตัวอยู่กับบ้าน หรือสถานพยาบาลแผนไทยทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งยังมีความต้องการอยู่มาก หรืออย่างน้อยที่สุดหากผ่านการฝึกอบรมตามความร่วมมือระหว่างโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) กับกรมการพัฒนาชุมชน ก็จะสามารถใช้วิชาความรู้นี้ มาดูแลสุขภาพของตนเองหรือคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

“กรมการพัฒนาชุมชนได้รับความเมตตาช่วยเหลือจากท่านเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ซึ่งถือได้ว่า เป็นแหล่งรวมวิทยาการทางการแพทย์ และการนวดของไทย มีการรวบรวมตำรายา การนวดแบบฤาษีดัดตน ซึ่งบันทึกและสืบสานความรู้ตามการจารึกไว้ตามศาลารายของวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) เป็นต้นตำรับเรื่องนวดแผนไทยที่เก่าแก่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไทยมานานกว่า 200 ปีจนทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ จึงทำให้มั่นใจได้ว่า ท่านที่ผ่านการฝึกอบรมจากโครงการนี้ จะมีความรู้ที่ถูกต้องสามารถนำไปใช้ได้อย่างดีเยี่ยม และยังเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดรายได้กับชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างทั่วถึง กระตุ้นเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง สร้างและพัฒนาบุคลากร ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ให้มีขีดความสามารถในการคิดเชิงสร้างสรรค์ และนำมาต่อยอดการบริหารจัดการชุมชนได้อย่างเหมาะสมผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ”

สำหรับขอบเขตของความร่วมมือจะเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมศักยภาพของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ อันหมายถึง การจัดทำหลักสูตร อาทิ มีการจัดทำหลักสูตรการนวดแผนโบราณจะประกอบไปด้วยหลักสูตรระยะยาว เช่น หลักสูตรสปาผิวกาย หลักสูตรวิชาชีพนวดไทยเพื่อสุขภาพ หลักสูตรระยะสั้น เช่น หลักสูตร นวดน้ำมัน หลักสูตรนวดฝ่าเท้า หลักสูตรนวดประคบและอบสมุนไพร หลักสูตรฤาษีดัดตน หลักสูตรนวดหน้า เป็นต้น มีการฝึกอบรมให้ความรู้ การจัดนิทรรศการแสดงสินค้าและผลงาน ตลอดจนร่วมกันพัฒนา แลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และพัฒนาฐานข้อมูล การนวดแผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) ที่จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมและยกระดับชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 

อีกทั้งร่วมกันประชาสัมพันธ์การพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ยกระดับการท่องเที่ยวตามกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ ให้เป็นที่รู้จัก ผ่านช่องทางและเครือข่ายความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย โดยร่วมกันส่งเสริมการตลาดและกระตุ้นการขายสินค้าและบริการ และการเข้าไปจัดกิจกรรมการนวดแผนโบราณ ในพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี  ทั้งในเชิงพื้นที่ ที่เน้นสร้างความยั่งยืน และมุ่งให้ชุมชนพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยการพัฒนาให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการนวดแผนโบราณเชิงสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่เน้นคุณภาพ มาตรฐาน และความคิดสร้างสรรค์บนฐานอัตลักษณ์ชุมชนให้บุคลากรมีองค์ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและการนวดแผนโบราณ และเชิงบริการ ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์ ส่งเสริม แลกเปลี่ยนความรู้ระดับชุมชน ระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ ตลอดจนพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือการนวดแผนโบราณ

“ต้องขอขอบคุณ ท่านเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (พระธรรมรัตนากร) และท่านผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) เป็นอย่างสูง โดยกรมการพัฒนาชุมชนจะขับเคลื่อนการบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้ ไปสู่การสร้างสรรค์องค์ความรู้สำหรับการพัฒนาและประชาสัมพันธ์ชุมชนท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งได้รับการยกระดับมาตรฐานด้วยนวัตกรรม เน้นสร้างความยั่งยืน และมุ่งให้ชุมชนพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้อย่างแท้จริง ซึ่งโครงการนี้ เปิดรับสมัครทั้งหญิงและชายโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และเมื่อผ่านการฝึกอบรม จะได้รับวุฒิบัตรที่กระทรวงสาธารณสุขให้การรับรอง ใช้เป็นเอกสารประกอบการทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยสามารถสมัครได้ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ ทุกอำเภอ สำนักงานพัฒนาการชุมชนจังหวัดทุกจังหวัดและที่กรมการพัฒนาชุมชน และหากพื้นที่จังหวัดใด อำเภอใด มีผู้สมัครเรียนตั้งแต่ 20 คน ขึ้นไป ทางคณะอาจารย์จะเดินทางไปเปิดการเรียนการสอนให้ถึงที่ จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนที่สนใจ มาร่วมสมัครเรียนในโครงการนี้ ” 

พระราชรัตนสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร กล่าวว่า โครงการที่เคยทำร่วมกับวัดในอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ มีโครงการสอนลูกเณร ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) ได้มีใบประกาศแพทย์แผนไทย และต่อไปลูกเณรประกอบอาชีพได้โครงการโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ มีผู้ปกครองมาส่งเด็ก ๆ จึงนำผู้ปกครองมาเรียนครบชั่วโมงก็สำเร็จ  อาตมาขอขอบคุณ อนุโมทนา อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และทีมงานกรมการพัฒนาชุมชน ที่ได้สร้างโอกาสอันดีในวันนี้ เพื่อสานต่อสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ให้แก่ประชาชน ประเทศชาติ และสุดท้ายทางวัด มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนอย่างเต็มที่  ซึ่งวัดโพธิ์เป็นวัดกษัตริย์สร้างไม่โรยร้างรุ่งเรืองดังเมืองสวรรค์ และขออนุโมทนาท่านอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และทีมงานกรมการพัฒนาชุมชนทุกท่าน ซึ่งนอกจากตัวท่านจะได้รับประโยชน์แล้ว จะยังประโยชน์ไปถึงประชาชน ประเทศชาติ โดยทางวัดโพธิ์ มีความยินดียิ่งในการให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

ด้านนายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) กล่าวด้วยว่า การแพทย์แผนไทย และการนวดไทย ตำรับวัดโพธิ์ ของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ(วัดโพธิ์) มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ จวบรัชสมัย รัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาตั้งที่กรุงเทพฯ ทรงให้ปฏิสังขรณ์ “วัดโพธาราม” หรือ “วัดโพธิ์” ขึ้นเป็นพระอารามหลวง และได้รวบรวม ตำรายาฤาษีดัดตน ตำราการนวด ต่อมารัชกาลที่ 3 รวบรวมตำราการนวด ตำราการแพทย์ แล้วให้จารึกไว้ในวัดโพธิ์นำมาจารึก และตั้งวิทยาลัยการแพทย์แผนโบราณเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาและสามารถนำไปใช้รักษาตนเองยามเจ็บป่วยได้ ใน พ.ศ. 2498 ท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม (ปุ่น ปุณณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 ได้จัดตั้งสมาคมแพทย์แผนโบราณ และโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ(วัดโพธิ์) ขึ้น เป็นโรงเรียนแห่งแรกที่มีการสอนวิชาแพทย์แผนโบราณครบทั้ง 4 สาขา ตามกฎหมาย ได้แก่ วิชาเวชกรรมไทยเภสัชกรรมไทย ผดุงครรภ์ไทย และวิชาการนวดแผนโบราณ จนถึงปัจจุบัน กว่าห้าสิบห้าปี่ที่เริ่มต้นจากโรงเรียนเล็กๆภายในวัดปัจจุบันโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ(วัดโพธิ์) ได้พัฒนาองค์ความรู้ ตลอดจนปรับปรุงมาตรฐานการเรียนการ สอน จนได้เป็นที่เชื่อถือและยอมรับทั้งในและต่างประเทศ