ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับขึ้นมาปิดบวกเล็กน้อยแม้กังวลการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯส่อแววขัดแย้งอีกครั้ง

  • นักลงทุนไม่มั่นใจจีน-สหรัฐฯลงนามข้อตกลงใหม่เร็วๆนี้
  • หุ้นฮึดพลิกขึ้นรับข่าวดีผลประกอบการไตรมาส3สดใส
  • ตัวเลขเศรษฐกิจชี้คนสหรัฐฯใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 8 พ.ย.วันสุดท้ายของสัปดาห์ท่ามกลางความสับสนต่อผลการเจรตาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

โดย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 27,681.24 จุด เพิ่มขึ้น 6.44 จุด หรือ +0.02%, ดัชนัดอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,093.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.90 จุด หรือ +0.26% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ปิดที่ 8,475.31 จุด เพิ่มขึ้น 40.80 จุด หรือ +0.48%

ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง3ตลาดปรับตัวขึ้น แม้นักลงทุนกังวลกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาไม่เห็นด้วยกับแผนการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับแถลงการณ์ของนายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาการค้าของทำเนียบขาว รวมทั้งแหล่งข่าวอื่นๆ ซึ่งระบุว่า แผนการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจีนได้ถูกคัดค้านจากภายในทำเนียบขาว

อย่งไรก็ตาม ตลาดยังได้แรงหนุนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่3ที่ออกมาดี โดยล่าสุดหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 3.56% หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส โดยวอลท์ ดิสนีย์ เปิดเผยกำไร และรายได้สูงกว่าคาดในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยบริษัทมีกำไร 1.07 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.95 ดอลลาร์ฯ/หุ้น ขณะที่มีรายได้ที่ระดับ 1.910 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.904 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นไมโครซอฟท์ บวก 1.18% และหุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 0.16%, หุ้นอินเทล ปรับตัวขึ้น 0.13% และหุ้นบรอดคอม บวก 0.54%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 95.7 ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 95.3 จากระดับ 95.5 ในเดือนต.ค.

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลง 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2560 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.