ดัชนีดาวโจนส์บวกต่อเนื่อง ปรับขึ้นกว่า 220 จุดขานรับ CDC ระบุคนฉีดวัคซีนแล้วเลิกใส่แมสได้

.นักลงทุนคลายกังวลการระบาดของโควิด-19 หลังคนฉีดวัคซีนจำนวนมากแล้ว
.ตลาดซื้อหุ้นทั้งกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว
.เฟดยืนยันยังไม่ปรับนโยบายการเงิน ทำบรรยากาศคลายความตึงเครียด

เมื่อเวลา 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,243.90 จุด เพิ่มขึ้น 222.45 จุด หรือ +0.65% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,348.89 จุด เพิ่มขึ้น 223.90 จุด หรือ +1.71% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,154.02 จุด เพิ่มขึ้น 41.52 จุด หรือ 1.01 จุด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีดตัวขึ้น ขานรับการที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐประกาศผ่อนคลายคำแนะนำในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครบทุกโดสแล้วไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย ไม่ว่าจะอยู่ในที่ร่มหรือกลางแจ้ง

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัว ในเดือน เม.ย. หรือปรับตัวขึ้น 0% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากพุ่งขึ้น 10.7% ในเดือนมี.ค. ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ร่วงลง 1.5% ในเดือนเม.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 7.6% ในเดือนมี.ค.

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนเม.ย. โดยเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมี.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. เทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 10.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2554 หลังจากเพิ่มขึ้น 7.0% ในเดือนมี.ค.

ขณะที่ดัชนีราคานำเข้าพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกพุ่งขึ้น 14.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในเดือนก.ย.2526 หลังจากเพิ่มขึ้น 9.5% ในเดือนมี.ค.

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. หลังจากดีดตัวขึ้น 2.4% ในเดือนมี.ค. ขณะที่การผลิตของภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนมี.ค. ขณะที่ภาคเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 0.7% ส่วนภาคสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้น 2.6%

นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากที่นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนเม.ย. จะไม่ทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงแนวทางการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อจะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราว โดยเฟดจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน