ซีพีเอฟ ปลื้ม!! คอนแทร็คฟาร์มมิ่ง สร้างสังคม-สิ่งแวดล้อมยั่งยืน

  • ผลประเมินผลกระทบทางสังคมและส่ิงแวดล้อมเป็นที่พอใจ
  • เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตรายได้และสังคมที่ดีขึ้น
  • ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นายวุฒิชัยสิทธิปรีดานันท์รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอฟ  เปิดเผยว่าซีพีเอฟ  ได้ทำการประเมินผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของโครงการคอนแทร็คฟาร์มมิ่งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนตามหลักการสากลโดยใช้วิธีImpact Valuation ที่จะตีมูลค่าผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบของโครงการออกมาเป็นมูลค่าเงิน 

ทั้งนี้ผลการประเมินผลกระทบด้านสังคมของโครงการคอนแทร็คฟาร์มมิ่งพบว่า 1.) เกษตรกรมีเวลาว่างอยู่กับลูกและครอบครัวมากขึ้นจากเดิม1.9 ชม./วันเพิ่มเป็น4.3ชม./วันซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปถึงการลดปัญหาสังคมอันเนื่องมาจากปัญหายาเสพติดในเยาวชน2.) โครงการฯสามารถลดสัดส่วนเกษตรกรที่มีค่าครองชีพต่ำกว่าเส้นความยากจนลงจากเดิม38% เป็น0% และ3.) เกษตรกรถึง85% มีความสามารถส่งเสียบุตรหลานให้ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐาน 

สำหรับผลการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมพบว่าการใช้ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงในการเลี้ยงสุกรนั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านก๊าซเรือนกระจกแต่ฟาร์มเกือบทั้งหมดของเกษตรกรซีพีเอฟมีการทำระบบไบโอแก๊ส(Biogas) ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณร่วมกันแล้วพบว่าช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงกว่า92,000 ตันCO2 /ปี  และเมื่อนำผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทุกข้อมาตีค่าเป็นมูลค่าเงินตามหลักการสากลพบว่าContract Farming’s Impact Valuation มีมูลค่าเป็นบวกและมีค่าสูงถึง230,475,694 ล้านบาท/ปี 

“ผลการประเมินในครั้งนี้ตอกย้ำว่าโครงการคอนแทร็คฟาร์มมิ่งของซีพีเอฟเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนให้สังคมและสิ่งแวดล้อมซึ่งได้รับการทวนสอบตามแนวทางสากลจากผู้ทวนสอบด้านความยั่งยืนชั้นนำระดับโลกช่วยยืนยันความถูกต้องของการประเมินนี้ด้วย”  นายวุฒิชัยกล่าว 

ทั้งนี้บริษัทฯใช้หลักการประเมินตามแนวทางNatural Capital Protocol และSocial Capital Protocol ขององค์กรWBCSD (The World Business Council for Sustainable Development) ทำการประเมินเกษตรกรคอนแทร็คฟาร์มมิ่งกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรขุนประเภทประกันรายได้ในประเทศไทยครอบคลุมภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคกลางภาคตะวันตกภาคตะวันออกและภาคใต้โดยมีนักศึกษาจาก4 มหาวิทยาลัยเป็นผู้ลงพื้นที่ทำการสำรวจได้แก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มหาวิยาลัยวลัยลักษณ์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก(วิทยาเขตบางพระ) และสถาบันปัญญาภิวัฒน์ โดยเมื่อผลการประเมินแล้วเสร็จซีพีเอฟยังเป็นบริษัทแรกของไทยที่ได้รับการทวนสอบตามแนวทางสากลจากLRQA หรือบริษัทลอยด์สรีจิสเตอร์อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) จำกัดซึ่งเป็นบริษัทผู้ทวนสอบด้านความยั่งยืนชั้นนำระดับโลก