ชาวนาเฮ! “จุรินทร์”จ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าวงวด 13 ชดเชย 5 ชนิดเหมือนเดิม

วันที่ 9 มกราคม 2565 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกร โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ล่าสุดรายงานจากคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า วันที่ 7ม.ค.2565 ได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 งวดที่ 13 โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.-6 ม.ค.2565 จำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว แต่การจ่ายส่วนต่างน้อยลงจากงวดก่อน หลังราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นางมัลลิกา กล่าวต่อว่า จากการรายงานของนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานอนุกรรมการ แจ้งนายจุรินทร์ ว่าสำหรับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการจ่ายเงินส่วนต่าง งวดที่ 13 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคา 11,292.32 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 3,707.68 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคา 10,905.67 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 3,094.33 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคา 9,936.27 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 1,063.73 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ราคา 8,244.65 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 1,755.35 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ราคา 9,802.09 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 2,197.91 บาท

นางมัลลิกา ระบุว่า ดังนั้นเกษตรกรชาวนาจะได้รับเงินส่วนต่างสำหรับผู้เก็บเกี่ยวล่าสุดตรงกับงวดที่ 13 จะมีชาวนาได้สูงสุด คือข้าวเปลือกหอมมะลิ 51,907.52 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 49,509.28 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 26,593.25 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 52,660.50 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 35,166.56 บาท เป็นการจ่ายเงินส่วนต่างในโครงการประกันรายได้ในปีที่ 3หลักการ เช่นเดิมกับ2ปีที่ผ่านมา คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของเกษตรกรภายใน 3 วันทำการหลังจากที่ได้มีการประกาศราคาเกณฑ์กลาง ก็เท่ากับประกาศวันที่ 7 ตรงกับวันศุกร์ แล้ว 8-9 ตรงกับเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้นนับไป 3 วันก็ช่วงสัปดาห์หน้าเงินโอนเข้าบัญชีพี่น้องชาวนา นะคะ แจ้งเพื่อทราบทั้งนี้จำนวนชาวนาที่เก็บเกี่ยวช่วงนี้เหลือน้อยแล้วแต่รองนายกรัฐมนตรีจุรินทร์ มีความใส่ใจติดตามข่าวสารให้ประชาชนรับทราบอย่างใกล้ชิด

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 ได้ประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน รัฐบาลประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนา เพราะเงินส่วนต่างทุกเม็ดส่งตรงถึงบัญชีเกษตรกรโดยตรง ขณะเดียวกันก็ได้พักการยกระดับราคาขึ้นแต่ด้วยยังไม่ได้ทะลุราคาที่ประกันรายได้ไว้จึงจำเป็นต้องมีจ่ายส่วนต่างข้าว

“เริ่มต้นปี 2565 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ให้นโยบายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวทั้งกรมการค้าภายใน ซึ่งดูแลประกันรายได้ กรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งดูแลการขายข้าวระหว่างรัฐกับต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งดูแลหาตลาดเพิ่ม กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ที่จะต้องใช้กลยุทธ์ FTA ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออกในตลาดที่ลดต้นทุนได้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่จะต้องส่งเสริม ผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยในต่างจังหวัดเพื่อนำผลผลิตที่แปลงเป็นผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เพิ่มเติมได้ และกำชับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตให้เพิ่มคุณภาพตามยุทธศาสตร์ข้าวให้เกิดความยั่งยืน” นางมัลลิกา กล่าว