นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี( ครม.) แทนตำแหน่งที่ว่าง ว่า ไม่มีตำแหน่งว่างแต่ขึ้นอยู่กับการหารือในพรรคร่วมรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตั้งรัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่ ก็ได้ แต่การที่ยังไม่ตั้งรัฐมนตรีใหม่ แต่มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้รองนายกรัฐมนตรีดูแลงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แทนรัฐมนตรี ซึ่งแม้จะ ยกเลิกคำสั่งแล้ว ก็แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งในรัฐบาลที่ยังไม่ลงตัว ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) และแกนนำพรรค ซึ่งเห็นว่าไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง เพราะเป็นความขัดแย้งในเชิงอำนาจผลประโยชน์ มีความโกรธแค้นต่อกันจากการที่ล้ม หรือมีการปลดกัน ในลักษณะของการแก้แค้นและยังไม่ได้มีการเคลียร์กัน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในเสถียรภาพทางการเมือง และในรัฐบาล จึงเชื่อว่าไม่มีทางที่จะเกิดความราบรื่นในการบริหารงาน
“ยังเห็นภาพการแสดงกำลังของแต่ละฝ่ายในการลงพื้นที่ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน อีกทั้งยังทำให้รัฐมนตรี ข้าราชการไม่มีสมาธิในการทำงานเพราะต้องคอยระวัง ว่ากำลังจะไปอยู่ในซีกไหนในความขัดแย้งนี้ และแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นนอนของอายุรัฐบาล คิดว่าทั้งนายกรัฐมนตรีและพรรคแกนนำรัฐบาลควรรีบหาทางจัดการปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว เพื่อมีเวลาและมีสมาธิในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ทั้งน้ำท่วม ปัญหาโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ ที่เป็นเรื่องใหญ่กระทบกับคนหลายล้านคนแต่รัฐบาลยังเสียงเวลากับการชิงไหวชิงพลิบล้างแค้นกันอยู่”นาย จาตุรนต์ กล่าว
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่นั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่มีใครทราบล่วงหน้า แต่ทั้งหมดคือความไม่แน่นอน เพราะไม่มั่นใจว่าในรัฐบาลจะจัดการความสัมพันธ์ การร่วมมือกันได้ดีแค่ไหนระหว่างนายกรัฐมนตรีกับพรรคพลังประชารัฐ และเชื่อว่าหากไม่ลงตัวเปิดสภามาจะต้องลุ้นในทุกการออกกฎหมายที่สำคัญว่าจะมีการแจกกล้วยอีกหรือไม่ และต้องจับตาดูว่าจะมีการทำอะไรที่ซ่อนเร่นที่ห้องน้ำหรือไม่ เพื่อให้ผ่านกฎหมาย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นสภาก็จะมีปัญหาไปด้วย
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในการเลือกตั้งสมัยหน้าหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นหนึ่งในผู้สร้างพรรคพลังประชารัฐร่วมกับ3ป.และพรรคพลังประชารัฐก็สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่เกิดการพัฒนากลายเป็นความขัดแย้งระหว่างกัน ซึ่งเป็นความขัดแย้งเสมือนละครน้ำเน่าและมากกว่าเรื่องหลักการอุดมการณ์ หรือนโยบายใดๆ
