“จาตุรนต์”อัดรัฐบาลยับไม่พร้อม-อำนาจหน้าที่แต่ละหน่วยไม่ชัดทำสุวรรณภูมิหวิดจราจล

  • “จาตุรนต์”ชี้ต้นตอสนามบินสุวรรณภูมิชุลมุนเหตุเกิดกระทันหัน
  • ติงสั่งห้ามเครื่องบินพาณิชย์เข้าไทย 4-6 เม.ย.ทำปัญหาซ้อนขึ้นอีก
  • แนะต้องไม่ห้ามคนไทยกลับ เน้นให้เหตุผลจำเป็น

วันที่ 4 เมษายน 2563 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ได้โพสต์เฟชบุ๊กถึงกรณีเหตุความวุ่นวายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปัญหาเกี่ยวกับคนไทยที่เกินทางกลับประเทศโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต้องดูกักกันไว้ดูอาการ 14 วัน ที่มีบางคนยอมและไม่ยอมกักตัวว่า กรณีดังกล่าวเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ทั้งเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อม ทำไปอย่างฉุกละหุกกระทันหันและที่ตำหนิผู้ที่กลับมาแล้วไม่ยอมรับการกักตัวที่ทางราชการกำหนด ถึงขั้นบอกว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นต้นตอของการระบาดใหญ่ชุดใหม่เลยก็มี ส่วนนายกฯสั่งให้เอาตัวผู้ที่กลับบ้านไปนั้นมากักตัวให้ได้ พร้อมมีประกาศตามหลังหากไม่มากักตัวจะต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่ไม่ปรากฏว่าทราบหรือไม่ว่าเรื่องนี้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้างและจะแก้ปัญหาอย่างไรนั้น

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า คิดว่าเราคงต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมทั้งสาเหตุความเป็นมาของปัญหาที่เกิดขึ้นให้ขัดเจนเสียก่อน เพื่อที่จะหาทางแก้ปัญหาให้ถูกทางและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นอีก จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยผู้เดินทางกลับเข้าประเทศทั้งที่กลับบ้านไปโดยไม่ถูกกักตัวและที่ถูกนำไปกักตัวในสถานที่ของทางราชการ และจากที่มีการรายงานข่าวจะเห็นว่า เหตุการณ์ชุลมุนครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ราชการยังไม่มีความพร้อมในการจัดการเกี่ยวกับการกักตัว แต่ละส่วนไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างไร อำนาจตัดสินใจอยู่ที่ไหน จะชี้แจงอธิบายต่อผู้ที่กลับเข้าประเทศอย่างไร ทั้งนี้ ก็เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยกระทันหัน ไม่มีการเตรียมการมาก่อนและอาจจะพูดได้ว่าเกือบจะไม่เคยทำกันมาก่อน

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ที่เดินทางกลับมานั้น หลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนต้องถูกกักตัวโดยทางราชการ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำกันนอกจากกรณีเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีความชัดเจนและเห็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันคือเห็นบางกลุ่มเจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้กลับบ้านไปได้ แต่ตนเองจะต้องถูกกักตัวโดยไม่รู้ว่าจะอยู่ในสภาพอย่างไรก็ไม่ประสงค์จะให้กักตัว บางคนได้แสดงความวิตกว่าจะถูกกักตัวในสภาพที่ไม่ถูกสุขลักษณะเหมือนที่เคยมีภาพปรากฏอยู่บ่อยๆก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้ถูกนำตัวไปกักตัวก็เล่าว่าถูกจัดให้อยู่ห้องละ 3 คน กลัวว่าจะติดเชื้อกันเอง เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ให้จัดให้อยู่ห้องละคน สภาพอย่างนี้จึงทำให้เกิดความสับสนชุลมุนขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นก็ปรากฏการรายงานข่าวว่ากรมการบินพลเรือนออกคำสั่งห้ามเครื่องบินพาณิชย์ทั้งหลายบินเข้าประเทศไทยระหว่างวันที่ 4-6 เมษายนนี้ โดยไม่มีบอกล่วงหน้า เข้าใจกันว่าเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาลที่ให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศไว้ก่อน แต่ก็ย้อนแย้งกับที่รัฐบาลประกาศว่าคำสั่งให้ชะลอนั้นมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่ขออนุญาตไว้ก่อนแล้ว ทำให้ผู้คนไทยที่ขออนุญาตไว้แล้วไม่สามารถเดินทางมาได้ ต้องตกค้างอยู่ต่างประเทศ บางคนขึ้นเครื่องไปแล้วต้องลงจากเครื่องกันก็มี ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนไทยในต่างประเทศที่ต้องการกลับบ้านจึงซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายปล่อยให้ชาวต่างประเทศเดินทางมาจากประเทศเสี่ยงเข้าประเทศได้โดยเสรี ไม่มีการกักตัว จึงไม่มีระบบกักตัวที่มีประสิทธิภาพมาตลอด 2-3 เดือน เพิ่งมาห้ามไม่กี่วันนี้ ส่วนคนไทยที่ต้องการกลับบ้าน รัฐบาลให้การดูแลอยู่เพียงบางกลุ่มเท่านั้น ระยะหลังก็มีระเบียบแปลกๆออกมา ตนเป็นคนหนึ่งที่ยืนยันมาตลอดว่ารัฐบาลจะขัดขวางหรือห้ามไม่ให้คนไทยกลับเข้าประเทศไม่ได้ รัฐบาลควรหาทางช่วยเหลือคนไทยที่อยู่ในประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อให้ได้กลับบ้านโดยเร็วก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดหนักขึ้นในประเทศเหล่านั้น เมื่อมาถึงก็ให้มีการกักตัวอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพ

แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ทำ ซ้ำยังกลับทำตรงข้ามคือหาทางสร้างอุปสรรคขัดขวางไม่ให้คนไทยกลับบ้านได้ง่ายๆโดยออกระเบียบที่พิสดาร ปฏิบัติได้ยาก รัฐบาลจึงไม่ได้คิดเตรียมระบบการกักตัวที่ดีรองรับไว้ พอสถานการณ์แย่ลงคนไทยยิ่งต้องการกลับบ้าน แทนที่รัฐบาลจะรีบเตรียมการรองรับก็กลับสั่งให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศออกไปอีก 14 วัน ผู้ที่กลับเข้ามาล่าสุดจึงต้องเจอกับสภาพที่ไม่พร้อมและกลายเป็นความโกลาหลขึ้น

“ต้นตอของปัญหาทั้งหมดที่จะต้องแก้ไขเป็นอันดับแรกก็คือรัฐบาลจะต้องเลิกหาทางขัดขวางไม่ให้คนไทยกลับเข้าประเทศ ยกเลิกมาตรการต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องไปเสีย แล้วแสดงความจริงใจหาทางช่วยให้คนไทยกลับเข้าประเทศเหมือนที่รัฐบาลทั่วโลกเขาทำกันอยู่
ขณะเดียวกันตนก็ยังยืนยันเช่นกันว่าผู้ที่กลับเข้าประเทศควรได้รับการกักตัวที่มีประสิทธิภาพซึ่งทางรัฐบาลต้องจัดหาสถานที่ที่ถูกสุขลักษณะและมีประสิทธิภาพกว่าที่ทำอยู่”

ส่วนการจะทำให้ผู้เดินทางกลับเข้าประเทศให้ความร่วมมือให้การกักตัวนั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่ควรใช้วิธีข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว แต่ควรเน้นการให้เหตุผลทำให้เห็นความจำเป็นควบคู่กับการชี้แจงว่าต้องทำตามกฎหมาย ที่สำคัญไม่ควรทำให้ผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศหรือผู้ที่มีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อกลุ่มใดๆต้องหวาดกลัวหรือเป็นที่รังเกียจเกลียดชังเพราะจะทำให้แก้ปัญหายากยิ่งขึ้น ต้องเน้นให้เกิดความร่วมมือ ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นเหยื่อของภัยพิบัติครั้งนี้ด้วยกันทั้งนั้น

สำหรับผู้ที่เพิ่งกลับเข้าประเทศและผู้ที่จะเดินทางกลับเข้ามาอีก หวังทุกท่านจะให้ความร่วมมือกับทางราชการอย่างเต็มที่ หากพบปัญหาก็ช่วยกันสะท้อนเพื่อให้เกิดการปรับปรุงให้ดีขึ้น