คูเวตซิตี้ ยืนหนึ่งเมืองที่ร้อนที่สุดในโลก อุณหภูมิสูงสุด 52 องศาเซลเซียส

ภาพจาก AFP via Getty

เมืองหนึ่งในตะวันออกกลางถูกมองว่าเป็นเมืองที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ในช่วงซัมเมอร์

สื่อเดอะมิลเลอร์รายงานด้วยการระบุที่มาจากสำนักข่าวเอเอฟพีว่า คูเวต ซิตี้ ถูกมองว่าเป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่อุณหภูมิในฤดูร้อนพุ่งสูงถึง 52 องศาเซลเซียสเป็นประจำ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559 สถานีวัดอากาศมิไตรบาห์ของคูเวจ มีอุณหภูมิ 54 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงเป็นอันดับสามของโลก

สำหรับปี 2664  อุณหภูมิทะลุ 50 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 19 วัน  โดยประเทศเริ่มร้อนขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้น 5.5 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้ 

ตูเวจมีประชากรประมาณ 4.4 ล้านคน มีปริมาณสำรองน้ำมันใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก ตลอดศตวรรษที่ผ่านมาปริมาณน้ำฝนประจำปีลดลงในประเทศที่แห้งแล้งอยู่แล้ว ส่งผลให้ความถี่และความรุนแรงของพายุฝุ่นเพิ่มขึ้น 

ในปีนี้ เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลคูเวตออกคำสั่งอนุญาตให้มีพิธีศพในตอนกลางคืนได้ คูเวจครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าและการประมงที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งได้รับการขนานนามว่า “อ่าวมาร์เซย์” การค้นพบน้ำมันในช่วงทศวรรษที่ 1930 ได้เข้ามามีบทบาทในคูเวตซิตี

คนรวยจากน้ำมันและคนอื่นๆ ทุกวันนี้ไม่ค่อยออกไปข้างนอก โดยชอบใช้เครื่องปรับอากาศในบ้าน สำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้าในท้องถิ่น ขณะนี้มีถนนช้อปปิ้งในร่มทั้งหมดเรียงรายไปด้วยต้นปาล์มและร้านบูติกสไตล์ยุโรป

จากการศึกษาในปี 2020 คาดว่าสองในสาม (ร้อยละ 67) ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในที่พักอาศัยนั้นมาจากเครื่องปรับอากาศที่ทำงานตลอดทั้งวันทุกวัน 

Joshua Wood เขียนในExpatsExchangeกล่าวถึง “คุณภาพชีวิตระดับสูง” ในประเทศที่ “ทันสมัย หรูหรา และปลอดภัย” แต่ยังเตือนว่า “ร้อนมากตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน” และ “ร้อนอย่างบ้าคลั่ง” ในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม และเดือนสิงหาคม

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าถนนจะรกร้าง แรงงานอพยพ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศอาหรับ ประเทศในเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของประชากรของประเทศ ต้องขอบคุณระบบคาฟาลาที่เป็นที่ถกเถียงกัน ผู้คนจึงแห่กันไปที่คูเวตเพื่อหาเลี้ยงชีพในงานก่อสร้างหรืองานบ้าน พวกเขาเรียงรายไปตามถนนและเต็มไปด้วยรถโดยสารสาธารณะที่ร้อนระอุของเมืองหลวง

ที่มา-

https://www.mirror.co.uk/news/world-news/worlds-hottest-city-become-unliveable-32365022?utm_source=flipboard&utm_content=TheMirror%2Fmagazine%2FThe+Mirror