คลัง ใจป้ำ!เล็งแจกเงินผู้มีรายได้น้อย-เกษตรกร-อาชีพอิสระ-พนักงานเงินเดือน

  • ชงมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบ โควิด-19 ชุดที่ 1 เข้าครม.เศรษฐกิจ
  • คาดใช้งบมากกว่า 100,000 ล้านบาทดูแลช่วง 3 เดือน
  • พร้อมฟื้นเกณฑ์ LTF ใช้ในกองทุน SFF ชั่วคราว

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เศรษฐกิจ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ชุดที่ 1 ซึ่งมาตรการที่ออกมาจะครอบคลุมทุกกลุ่ม ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ และจะเป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้น โดยคาดว่าจะใช้เงินมากกว่า 100,000 ล้านบาท

 ทั้งนี้หลังจากชุดมาตรการทั้งหมดผ่านครม.เศรษฐกิจแล้ว เตรียมจะเสนอครม.พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 7 มี.ค.2563 เพื่อให้ชุดมาตรการนี้เกิดผลภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า หรือ ตั้งแต่เดือนมี.ค-มิ.ย.63

สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง  ขณะนี้ได้หารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยแล้ว เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ผ่านการออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟต์โลน) จากธนาคารออมสิน มากกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ธนาคารพาณิชย์  

ส่วนด้านการช่วยเหลือตลาดทุนนั้น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ได้หารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ในการพิจารณาปรับเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อการออม  (Super Savings Fund: SSF) ซึ่งกำหนดให้หักลดหย่อนภาษีเงินได้ ในกองทุน SSF ไม่เกิน 200,000 บาท โดยเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณ หรือ กองทุน RMF จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยอาจจะให้กองทุน SSF นั้น กลับไปใช้หลักเกณฑ์ของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เป็นการชั่วคราวระยะเวลา 1 ปี

ขณะที่การช่วยเหลือ ภาคประชาชน จะมีการโอนเงินเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย เกษตรกร อาชีพอิสระ และพนักงานเงินเดือนที่มีรายได้น้อย ที่ได้รับผลกระทบ ผ่านระบบพร้อมเพย์ มากกกว่ารายละ 1,000 บาท เพื่อให้คนกลุ่มเหล่านี้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต คาดว่าจะมีจำนวนผู้ได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่า 14.6 ล้านคน  

“เงินที่โอนให้ในระบบพร้อมเพย์นั้น จะไม่บังคับประชาชนว่าจะนำไปไปจับจ่ายซื้อของอะไร และอาจจะไม่ใช่การโอนครั้งเดียว แต่อาจโอนเป็นรายเดือนก็ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาถึงความเหมาะสมอยู่”

ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานที่อาจจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รัฐบาลจะออกมาตรการจูงใจผู้ประกอบการชะลอการเลิกจ้างงาน ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูว่าจะสามารถออกมาตรการทางภาษีเข้ามาผ่อนปรนค่าธรรมเนียมส่วนใดได้บ้าง เช่น การหักภาษี ณ ที่จ่ายให้น้อยลง ให้นำค่าจ้างพนักงานมาหักลดหย่อนภาษีได้มากกว่า 1 เท่า ค่าเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ เป็นต้น

 สำหรับกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่เลิกจ้างงาน  หรือโดนพักงาน 14 วัน ได้สั่งให้สศค.ดูว่าจะใช้มาตรการมดบ้างช่วยเหลือกลุ่มนี้อย่างไรด้วย ส่วนกลุ่มธุรกิจภาคการท่องเที่ยว กระทรวงการคลัง ได้ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปหารือกับสถานศึกษาเพื่อจัดอบรมให้ความรู้ เพิ่มทักษะ ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยกระทรวงการคลังจะจัดงบประมาณเข้าไปสนับสนุนให้กลุ่มดังกล่าว เพื่อจูงใจให้เอสเอ็มอีมาเข้าร่วม