ครม.เพิ่มเงินทดแทนให้แรงงานในระบบประกันสังคมที่ว่างงาน เป็น 62%ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน

  • ช่วยแรงงานขั้นต่ำได้รับเดือนละ 5,580 บาท
  • ขยับขึ้นมาสูงกว่าที่คลังแจกเดือนละ 5,000 บาท
  • เฉพาะจากเหตุสุดวิสัย และกิจการที่รัฐสั่งปิดชั่วคราว

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอขอทบทวนอัตราและระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. …จากที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์ก่อนมีมติให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามมาตรา 79/1 มีสิทธิได้รับเงินทดแทนในกรณีว่างงานในอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่ผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยที่นายจ้างรับรองหรือนายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ เป็นเวลาไม่เกิน 180 วัน เปลี่ยนเป็นให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตน ได้รับเงินทดแทนในกรณีว่างงานในอัตรา 62% ของค่าจ้างรายวัน แต่ไม่เกิน 90 วัน

ทั้งนี้ จะทำให้คนที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำเดือนละ 9,000 บาท จากเดิมจะได้รับเงินทดแทนที่ 50% ของค่าจ้าง คือ 4,500 บาท เป็น 62% คือ 5,580 บาท ซึ่งจากเดิมต่ำกว่าก็จะปรับขึ้นมาสูงกว่าคนประกอบอาชีพอิสระ หรือคนนอกระบบประกันสังคม ที่กระทรวงการคลังจ่ายให้ 5,000 บาท พร้อมกันนี้ยังเปลี่ยนการจ่ายเงินทดแทนให้เป็นเวลา 3 เดือนเท่ากันกับกระทรวงการคลัง ส่วนคนที่ได้รับ 62% ของดพดานค้าจ้างที่นำส่ง ที่ 15,000 บาท จะได้นับเดือนละ 9,300 บาท

ขณะเดียวกัน ครม.มีมติเปลี่ยนแปลงในกรณีหน่วยงานภาครัฐมีคำสั่งให้นายจ้างหยุดประกอบกิจการเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่ไม่ได้รับค่าจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามมาตรา 79/1 ในอัตรา50%ของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่นายจ้างหยุดประกอบกิจการตามคำสั่ง แต่ทั้งนี้ไม่เกิน 60วัน” เป็น 62% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน
นางนฤมล กล่าวต่อไปว่า ครม.ยังได้เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอขอทบทวนอัตราเงินสมทบที่จัดเก็บสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนที่เคยอยู่ในระบบประกันสังคม นำส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนและออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน) จากเดิมต้องส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละ 211 บาท เป็นให้ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละ 86 บาท

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบการผ่อนปรนการอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและการทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยได้ลงนามกับรัฐบาลประเทศคู่ภาคี โดยผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา) ซึ่งเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู) โดยใช้บัตรผ่านแดนของกระทรวงมหาดไทย และมาตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดสามารถอยู่ต่อไปจนถึงระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร หรือสิ้นสุดระยะเวลาตามที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ

อย่างไรก็ตาม หลังสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการ ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดำเนินการตรวจสอบปราบปราม จับกุมดำเนินคดีนายจ้าง แรงงานผิดกฎหมายที่ลักลอบทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด