คน “อคส.” ไม่พ้นคดีทุจริตจำนำข้าว

  • ป.ป.ท.ส่งฟ้องแล้ว 80 คดีจากทั้งหมด 892 คดี
  • ส่งต้นสังกัดเอาผิดทางวินัย-คดีอาญาซ้ำอีก
  • ไม่นับรวมเอาผิดคนอ.ต.ก.-เอกชนรัฐเสียหายแสนล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ คดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มา ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ส่งฟ้องศาล และศาลอยู่ระหว่างการพิจารณานั้น มีมากถึง 80 สำนวนคดี จากทั้งหมด 892 สำนวนคดี ซึ่งยังไม่นับรวมคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และภาคเอกชน ทั้งที่เป็นเจ้าของโกดัง ที่รัฐเช่าเพื่อฝากเก็บข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล และกลุ่มเซอร์เวเยอร์ ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวในสต๊อกอีกหลายสำนวนคดี รวมมูลค่าความเสียหายที่รัฐจะต้องเรียกคืนสูงถึงหลักแสนล้านบาท

สำหรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ อคส. ที่ป.ป.ท.ตั้งข้อกล่าวหากระทำทุจริต และส่งฟ้องศาลไปแล้วนั้น มีจำนวนมากกว่าร้อยคน ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 54/55, นาปรังปี 55 และนาปีปี 55/56 และที่ผ่านมา ป.ป.ท.ได้ทยอยส่งรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาให้อคส.ดำเนินการทางวินัย และอาญาแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่อ.ต.ก.ก็ได้ส่งรายชื่อให้ผู้บริหารอ.ต.ก.ดำเนินการแล้วเช่นกัน ขณะเดียวกัน ยังได้ส่งรายชื่อผู้กระทำผิดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินด้วย

ส่วนกรณีที่อคส.ส่งเรื่องให้อัยการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรัง ตั้งแต่ปี 54-57 นั้น ล่าสุด อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลปกครองกลาง 1,136 คดี ศาลปกครองสูงสุด 4 คดี จากทั้งหมด 1,143 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 494,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีคดีเกี่ยวกับโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 51/52 , ปี 54/55 และปี 56/57 อีกรวมกว่า 200 คดี ล่าสุด อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลปกครองกลาง 161 คดี มีมูลค่าความเสียหาย 18,723 ล้านบาท โดยคดีถึงที่สุดแล้ว 14 คดี ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. 4,883 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดให้ชดใช้ความเสียหาย

นอกจากนี้ อคส.ยังได้ฟ้องร้องดำเนินคดีเจ้าของคลังเก็บข้าวสารในสต๊อกรายหนึ่ง เพราะมีการยึดหน่วงข้าว โดยไม่ยอมให้ผู้ชนะประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐในช่วงที่ผ่านมา มารับมอบข้าว (ขนข้าวออกจากคลัง) คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย ที่ทำให้รัฐเสียโอกาสในการขายข้าวประมาณ 1,300 ล้านบาท ส่วนข้าวในสต๊อกรัฐล็อตสุดท้ายอีกราว 200,000 ตัน ที่อยู่ในความดูแลของอคส.นั้น อคส.ตั้งเป้าหมายจะประมูลให้หมดทุกเมล็ดภายในเดือนก.ย.65 แต่จนถึงขณะนี้ ไม่มั่นใจว่า จะเปิดประมูลได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เนื่องจากต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก่อน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการกำหนดการประชุมนบข.แต่อย่างใด หากไม่สามารถเปิดประมูลได้ จะทำให้การปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกต้องล่าช้าออกไปอีก และจะยิ่งทำให้รัฐขาดทุนมากขึ้น เพราะข้าวเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ และขายได้ราคาต่ำลงอีก

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส.กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ อคส.จะลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับรัฐวิสาหกิจของจีนที่เขตหนานซา เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง เพื่อร่วมกันจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าของไทยในจีน และเปิดให้ผู้ประกอบการของไทยเช่าฝากเก็บสินค้า ก่อนกระจายไปยังเมืองต่างๆ ของจีน รวมถึงจะหาพันธมิตร ที่เป็นแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ของจีน นำสินค้าของไทยไปจำหน่ายในจีนด้วย เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางขายสินค้าของไทยในตลาดจีน และเป็นการสร้างรายได้ให้กับอคส.

“คลังกระจายสินค้าที่จีน จะเป็นแห่งที่ 2 ที่อคส.ได้ออกไปจัดตั้งในต่างประเทศ ต่อจากเมียนมา ที่เมื่อเร็วๆ นี้ อคส.ได้ลงนามกับบริษัท Maha Shwe Ngwe จำกัด จากเมียนมา เพื่อร่วมกันหาช่องทางลงทุนสร้างคลังกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคไทยในเมียนมาไปแล้ว และยังมีแผนจะตั้งศูนย์กระจายสินค้าแบบเดียวกันนี้ในประเทศอื่นๆ อีก เช่น อินเดีย และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง”