ขนส่งทางบกจับมือบริษัท เอสเอซีแอล จำกัด ร่วมลงนามในสัญญาร่วมลงทุน PPP โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมหวังขับเคลื่อนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ของประเทศ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน (PPP) โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม กับ “บริษัท เอสเอซีแอล จำกัด” ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ในการร่วมลงทุนโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ถือเป็นโครงการร่วมลงทุน (PPP) โครงการแรกที่กรมการขนส่งทางบกเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่เป็น

มืออาชีพมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์เข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนและบริหารจัดการสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) ซึ่งจะช่วยลดภาระทางด้านงบประมาณในการลงทุนและบุคลากรของภาครัฐ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งสินค้าทางถนน 

โดยภายใต้สัญญาร่วมลงทุนฯบริษัท เอสเอซีแอล จำกัด จะเข้ามารับผิดชอบลงทุนค่าก่อสร้างในองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้ อาทิ อาคารรวบรวมและกระจายสินค้า อาคารคลังสินค้าและอาคารซ่อมบำรุง รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ อาทิ Gantry Crane และรถ Forklift มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 317 ล้านบาท และจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 66 นี้ ภายหลังกรมการขนส่งทางบกปรับสภาพพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการก่อสร้าง นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ (Operation and Maintenance : O&M) ในส่วนอาคารและพื้นที่ใช้สอยในการรับผิดชอบของเอกชนและโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางตามรอบระยะเวลา รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้ ตามรูปแบบการร่วมลงทุนแบบ PPP Net Cost และจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ภาครัฐ เป็นเงินรวมกว่า 298 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 30 ปี นับจากปีเปิดให้บริการ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกมีแผนเปิดให้บริการโครงการในช่วงต้นปี 2568 ภายหลังงานก่อสร้างทั้งในส่วนที่ภาครัฐและภาคเอกชนรับผิดชอบแล้วเสร็จ โดยกรมการขนส่งทางบกจะได้มีการกำกับดูแลการดำเนินงานของภาคเอกชนให้เป็นตามระดับการให้บริการ (Level of Service) ที่กำหนดไว้ต่อไป

“ โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม จะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและโลจิสติกส์รองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศบนเส้นทางสาย R12 เชื่อมต่อการขนส่งระหว่างไทย – สปป.ลาว – เวียดนาม – จีนตอนใต้ ผ่านด่านพรมแดนนครพนม และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ซึ่งจัดเป็นเส้นทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่มีความสำคัญและมีมูลค่าการค้าการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) ระหว่างทางถนนกับทางราง ผ่านแนวการพัฒนารถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในอนาคต ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง ผลักดันจังหวัดนครพนมให้เป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

นายบวรสินธุ์ ตันธุวนิตย์ กรรมการบริษัท เอสเอซีแอล จำกัด กล่าวว่า เอสเอซีแอล ในการดำเนินงานโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ซึ่งทางบริษัทฯ เล็งเห็นว่า เส้นทางการขนส่งสินค้าบนถนนสาย R12 ผ่านด่านพรมแดนนครพนม ถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพสูง โดยบริษัทฯ จะได้นำประสบการณ์ในภาคธุรกิจการขนส่ง โดยเฉพาะการบริหารจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมทั้งได้มีการวางแผนและปรับกลยุทธ์การให้บริการต่าง ๆ ให้สอดรับสถานการณ์การขนส่งในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการและประเทศไทย ขณะเดียวกันโครงการนี้จะสามารถสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ได้ ด้วยการจ้างงานหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง