- เน้นความร่วมมือโรงเรียนและผู้ปกครอง ปฏิบัติตาม 6 แนวทาง
- ชี้กลุ่มเด็กนักเรียน ใช้เวลาอยู่ร่วมกันนานกว่าการเดินห้าง
- เมื่อป่วยจะแสดงอาการน้อย หวั่นควบคุมไม่ดี อาจเกิดการแพร่ระบาดได้
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการเปิดภาคเรียนในเดือน ก.ค.2563 โดยสถิติการระบาดในประเทศไทยพบว่า กลุ่มเด็ก 10-19 ปี มีอัตราการติดเชื้อ 3.81% ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงหรือไม่แสดงอาการ เมื่อมาโรงเรียนใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดร่วมกัน 5-7 ชั่วโมงต่อวัน นานกว่าการเดินในห้างสรรพสินค้า จึงมีความเสี่ยงติดเชื้อในกลุ่มเพื่อน และเมื่อเด็กกลับบ้านจะอยู่ใกล้ชิดและแพร่เชื้อไปสู่คนในครอบครัวได้
ทั้งนี้การเปิดภาคเรียน โรงเรียนจะต้องเตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้พร้อมเปิดเรียนอย่างปลอดภัย โดยทางกรมอนามัยได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและภาคีเครือข่าย จัดทำมาตรการและคู่มือการปฏิบัติ สำหรับสถานศึกษา ป้องกันโควิด 19 ให้เสร็จภายในเดือนพ.ค.นี้ และชี้แจงแนวทางปฏิบัติกับบุคลากรสาธารณสุข จัดอบรมครู “รอบรู้สุขอนามัย” ในโรงเรียนรองรับสถานการณ์โควิด 19 กลางเดือนมิถุนายน 63 ให้โรงเรียนประเมินตนเองตามแพลตฟอร์มไทยสต็อปโควิด https://stopcovid.anamai.moph.go.th
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า เมื่อเปิดภาคเรียน โรงเรียนจะต้องดำเนินการ 6 แนวทาง ประกอบด้วย
1.การมีมาตรการคัดกรอง เช่น วัดไข้ก่อนเข้าโรงเรียน ผู้ปกครองร่วมให้ประวัติหากมีความเสี่ยง หากเด็กมีอาการไข้ไม่สบายต้องหยุดเรียนทันที และแจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่
2.สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในโรงเรียน
3.จัดจุดล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างเพียงพอ
4.การเว้นระยะห่างในห้องเรียน เน้นจัดการเรียนการสอนให้เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ให้มีกิจกรรมทำในกลุ่มเดียวกันตลอดทั้งวัน
5.เน้นการทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสต่างๆ ที่ใช้ร่วมกัน อาทิ สนามเด็กเล่น ลูกบิดประตู ห้องน้ำ ร่วมกับการจัดกลุ่มสลับกันใช้งานเพื่อช่วยลดการสัมผัสร่วมกันจำนวนมาก
และ 6.ลดความแออัด ไม่จัดกิจกรรมที่เกิดการรวมกลุ่มของเด็ก
“การเปิดเรียนจะต้องขอความร่วมมือผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมกับโรงเรียนในการป้องกันโรค ต้องสื่อสารให้เข้าใจว่า อย่ากังวลใจมากเพราะได้มีการเตรียมมาตรการเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ย้ำเรื่องการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และโรงเรียนต้องประเมินความเสี่ยงเพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ทำงานร่วมกับหน่วยงานอนามัยโรงเรียนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดเพื่อการควบคุมโรค” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ขอบคุณข้อมูลและภาพ : กรมอนามัย