รัฐบาลต้อง บริหารกรอบวงเงินมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ตามความเหมาะสมและความจำเป็น
- เพื่อให้รัฐบาลใหม่มีวงเงินนอกงบประมาณในการใช้จ่ายมากขึ้น
- แนะกรอบวงเงินม.28 ควรอยู่ที่ 30 %ของวงเงินงบประมาณ
- ย้ำที่ผ่านมา ช่วงโควิด รัฐบาลต้องใช้เงินเยียวยาประชาชน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ติดตามวงเงินใช้จ่ายตาม 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนและนำมาใช้จ่ายในโครงการของรัฐตามความจำเป็นและเหมาะสม จากสถานะปัจจุบันมีวงเงินเหลือเพียง 18,000 ล้านบาท ถือเป็นข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายกึ่งการคลังของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งต้องบริหารจัดการใช้วงเงินดังกล่าว ตามความเหมาะสมและความจำเป็น ดังนั้นสศค.ต้องไปติดตามหน่วยงานต่างๆ เร่งปิดโครงการต่างๆ ที่ใช้เงินตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง หากไม่ใช่หรือวงเงินเหลือ ควรจะปิดโครงการและส่งเงินคืน เพื่อให้วงเงินใช้จ่ายมีเพียงพอต่อการใช้จ่ายต่อไป
“ต้องยอมรับว่าในช่วงวิกฤติโควิด รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อเยียวยา ช่วยเหลือประชาชนและประชาชน ทำให้วงเงินตามกรอบมาตรา 28 ลดลง แต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และหลายโครงการปิดโครงการไปแล้ว เพราะสิ้นสุดโครงการ ดังนั้นเงินเหลือ ก็ต้องส่งเงินคืน และบางโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่หากล่าช้าเกินไป ควรแนะให้ปิดโครงการ เช่น โครงการภายในการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และโครงการที่ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งภาครัฐต้องตั้งงบประมาณชดเชยคืนให้”
นายอาคม กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน กรอบวงเงินการใช้จ่ายตามมาตรา28 อยู่ที่ 32% ซึ่งลดลงจากเดิมที่รัฐบาลชุดนี้ได้ขยายเป็น 35%ในช่วงวิกฤตโควิด แต่นับจากนี้ มองว่าวงเงินดังกล่าวควรจะกลับไปอยู่ที่ 30% เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการคลัง ขณะเดียวกันได้หารือกับสำนักงานงบประมาณ เพื่อขอให้จัดสรรงบประมาณราว 3.5-4% ของวงเงินประมาณ เพื่อนำไปชำระหนี้สถานบันการเงินของรัฐ ที่เข้ามาสนับสนุนและออกมาตรการดูแลนโยบายกึ่งการคลัง ตามนโยบายรัฐบาล