การบินไทย Q1/67 รายได้ 4.59 หมื่นล้าน-จ่อขายฝูงบิน 18 ลำ

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ยืนหยัดทำรายได้รวม 45,955 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,423 ล้านบาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ยืนหยัดทำรายได้รวม 45,955 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,423 ล้านบาท


การบินไทย ไตรมาส 1 ปี’67 ตุนรายได้รวม 45,955 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,423 ล้านบาท การบินไทย จ่อลงนามสัญญาขายฝูงบินให้ได้ 18 ลำ ภายใน พ.ค.67 พร้อมตั้งด้อยค่าไว้ 3,338 ล้านบาท “ฝ่ายพาณิชย์” เดินหน้าเพิ่มเที่ยวบินไตรมาส 2-4 ชิงตลาดใหญ่ “ออสเตรเลีย-ยุโรป-จีน-อินเดีย”

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บมจ.การบินไทยและบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 567 สร้าง “รายได้รวม” ทั้งสิ้น 45,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนทำไว้รวม 41,507 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นจากการเพิ่มเที่ยวบินและความต้องการเดินทางสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ 3 เส้นทางหลัก คือ ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น

“รายได้ขายตั๋วโดยสาร”รวม 38,517 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ผู้โดยสารทั่วไป 38,387 ล้านบาท กับส่วนราชการภายในประเทศ 130 ล้านบาท คิดเป็น 0.3% ของรายได้ตั๋วทั้หมด เป็นรายได้จากเส้นทางบิน ยุโรป 34.5% เอเชียเหนือ 32.8% เอเชียตะวันตกและตะวันออกกลาง 11.9% ออสเตรเลีย 7.2% อาเซียน 7.7% และภายในประเทศ 5.9%

“กำไรสุทธิ”เป็นของ บมจ.การบินไทย และบริษัทย่อย ตลอดไตรมาส 1 ปี 2567 รวม 2,423 ล้านบาท

“กำไรการดำเนินงานก่อนหักต้นทุนทางการเงิน”ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 11,075 ล้านบาท ลดลง 1,959 ล้านบาท คิดเป็น 15 % จากไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน

“EBITDA”หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 14,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนคือ14,054 ล้านบาท

นายชายกล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยกำลังรอทำลงนามสัญญาขายฝูงบินที่ไม่ได้ใช้งานรวม 18 ลำ มี 3 แบบ แบบละ 6 ลำ ได้แก่ แอร์บัส A380 โบอิ้ง B777-200 และโบอิ้ง B777-300 ซึ่งได้บันทึกไว้ในรายการด้อยค่าเครื่องบินประมาณ 3,338 ล้านบาท เนื่องจากเป็นเครื่องที่อยู่กับการบินไทยมานานเมื่อไม่ได้อยู่ในสายการผลิตแล้วมูลค่าราคาตลาดจะลดลงตามไปด้วย คาดภายในเดือนพฤษภาคม 2567 บริษัทจะสามารถลงนามสัญญากับตัวแทนผู้ซื้อเครื่องที่เหลือทั้งหมดได้ แต่ก็จะยังไม่ได้รับเงินทันที เพราะต้องผู้ซื้อมีขั้นตอนต้องใช้เวลาตรวจสอบความเรียบร้อยองค์ประกอบเครื่องบินด้วย

นายกรกฎ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บมจ.การบินไทย กล่าวว่าวางแผนการตลาดไตรมาส 2-4 ปี 2567 จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สู่ปลายทาง 3 เส้นทางหลัก ได้แก่

เที่ยวบิน

  • เส้นทางที่ 1 ออสเตรเลีย 3 เมือง ได้แก่ ซิดนีย์ 2 เที่ยว/วัน เพิร์ธ 1 เที่ยว/วัน เมลเบิร์น 2 เที่ยว/วัน
  • เส้นทางที่ 2 ยุโรป การบินไทยมีส่วนแบ่งตลาดผู้โดยสารรวม 34.5 % เดือนกรกฎาคมนี้จะเพิ่มเที่ยวบิน ออสโลว์ (นอร์เวย์) 7 เที่ยว/สัปดาห์ มิราน (อิตาลี) จากนั้นไตรมาส 4 ปีนี้ จะเพิ่มเที่ยวบินไปยัง กรุงบรัสเซล (เบลเยี่ยม)
  • เส้นทางที่ 3 เอเชีย แบ่งเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่แรก สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเพิ่มเที่ยวบินไปยัง 2 เมือง คือ ปักกิ่ง จาก 7 เป็น 10 เที่ยว/สัปดาห์ และเซี่ยงไฮ้ จาก 7 เป็น 11 เที่ยว/สัปดาห์ พื้นที่สอง อินเดีย ไตรมาส 4 ปีนี้ จะเปิดบินใหม่สู่เมือง อัมริตสาร์ (Amristsar) เพื่อใช้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลไทยประกาศยกเว้นวีซ่าให้อินเดีย (Visa Exemption) อย่างเต็มประสิทธิภาพ และปัจจุบันก็มีเที่ยวบินสู่อินเดียอยู่แล้วไม่ต่ำกว่า 6 เมือง เพียงพอรองรับการเดินทางตลอดทั้งปี

สำหรับผลการดำเนินงานของ บมจ.การบินไทย และบริษัทย่อยฯ ในส่วนอื่น ๆ ตลอดไตรมาส 1 ระหว่างมกราคม-มีนาคม  2567 มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้

“ค่าใช้จ่าย”รวม 34,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5% จากช่วงเดียวกับปีก่อนมีเพียง28,473 ล้านบาท จาก 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ปริมาณการเพิ่มของ การผลิตและ/หรือการขนส่ง จำนวนเที่ยวบิน จุดบิน ผู้โดยสาร ส่วนที่ 2 เงินบาทอ่อนค่า ส่วนที่ 3 อัตราค่าบริการภาคพื้นและวัตถุดิบสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายภาพรวมจึงปรับตัวสูงตามไปด้วย

ค่าใช้จ่ายดังกล่าว ได้แก่ ค่าบริการผู้โดยสาร ค่าบริการการบินในต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเครื่องบินและอุปกรณ์  

มี “ต้นทุนทางการเงิน” บันทึกการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) รวม 4,608 ล้านบาท โดยมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่าย 4,036 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกัน 4 รายการ ได้แก่ 

  • 1.ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 5,372 ล้านบาท
  • 2.การด้อยค่าของเครื่องบิน และสินทรัพย์สิทธิการใช้ และอุปกรณ์การบินหมุนเวียน 3,338 ล้านบาท
  • 3.มีรายการปรับปรุงรายได้บัตรโดยสารที่หมดอายุ 4,136 ล้านบาท
  • 4.กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 493 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 36 ล้านบาท

“จำนวนเครื่องบิน”ใช้บริการได้ตลอดไตรมาส 1 รวมทั้งสิ้น 73 ลำ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 8 ลำ เป็นการทยอยรับมอบเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 ที่จัดหาและนำมาปฏิบัติการบินระหว่างปี

“อัตราการใช้เครื่องบิน”เฉลี่ยวันละ 12.8 ชั่วโมง มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.1% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 10.1% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 83.5% ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมคือ 80.8% มีจำนวนการขนส่งผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3.88 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.2%

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 เปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2566 รายการเคลื่อนไหวเป็นบันทึกประจำ 4 รายการ

  • 1.สินทรัพย์รวม 257,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,119 ล้านบาท คิดเป็น 7.6%
  • 2.หนี้สินรวม 297,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,696 ล้านบาท คิดเป็น5.6%
  • 3.ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และบริษัทย่อยติดลบ 40,719 ล้านบาท ติดลบลดลง 2,423 ล้านบาท
  • 4.มีเงินสดรวมตั๋วเงินฝาก เงินฝากประจำ และหุ้นกู้ ที่มีระยะเวลาครบกำหนดชำระมากกว่า 3 เดือน แต่ไม่เกิน 12 เดือน 72,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,595 ล้านบาท

-เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน

Thai Airways

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : การบินไทย เปิดแล้วโมบายแอป “Thai Airways” บริการครบวงจร