“จุลพันธ์” ซัดกลับฝ่ายค้าน ลั่นเงินลงทุนแสนล้าน ไม่มีใครตัดสินใจวันเดียว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย

จุลพันธ์ รมช.คลัง รับรัฐบาลใช้งบ 67 จริงในเรื่องจ่ายเงินเดือน รายจ่ายประจำ น้ำไม่มีการลงทุน ไม่มีโคงการที่รัฐบาลอนุมัติโครงการใดที่จะเป็นการลงทุนใหม่ๆได้

  • คาดงบประมาณ 67 จะประกาศใช้เร็ววันนี้ โดยจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย
  • ลั่นการเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯ เพื่อแสวงหาเม็ดเงินลงทุน แสวงหาพันธมิตร
  • เผยจะได้เห็นสึนามิการลงทุนในไทย ช่วง 1-2 ปีนี้ จะไหลเข้ามาสร้างงาน สร้างเงิน สร้างอาชีพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 เม.ย.67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา152 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายโดยตั้งเป็นข้อสงสัยต่อการทำงานของรัฐบาลชุดเศรษฐา ว่ารัฐบาลชุดนี้ได้ใช้งบประมาณปี 67 ไปแล้วกว่า 43% ในช่วงที่สภายังไม่ได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณนั้น

ในเวลาต่อมา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอธิบายถึงข้อจำกัดการใช้งบประมาณที่ทางรัฐบาลเผชิญมาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กล่าวว่า การใช้งบประมาณที่เรียกว่า “การใช้งบประมาณไปพลางๆ ก่อน” นั่นคือ พ.ร.บ.งบประมาณยังไม่ผ่านการเห็นชอบ ซึ่งต้องขอขอบคุณ สส. และ สว. ที่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2567 คาดว่าจะมีการประกาศใช้ในเร็ววันนี้ จากนั้นจะเป็นเครื่องมือกลไกที่สำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

ทั้งนี้ ต้องเรียนว่า ตามความเข้าใจท่านที่บอกว่า รัฐบาลได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 40% ต้องเรียนว่า เป็นการตอบถูกครึ่งหนึ่ง เพราะงบประมาณที่ใช้เป็นเรื่องการใช้งบประมาณไปพลางๆก่อน เพราะมีเรื่องของเงินเดือน รายจ่ายประจำ เงินลงทุนที่ผูกพันมาก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2566 ต่อเนื่องปี 2567 แต่ไม่มีการลงทุน ไม่มีโคงการที่รัฐบาลอนุมัติโครงการใดที่จะเป็นการลงทุนใหม่ๆได้ นี่คือข้อจำกัดที่เราเผชิญ

จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีงบประมาณที่ไปตามนโยบายที่รัฐบาลกำกับจนกว่างบประมาณปี 2567 ผ่าน และหากประกาศใช้ ก็จะมีงบขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบายและแต่ละกระทรวงทบวงกรม ที่กำกับดูแลได้

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นถัดมา กรณีคำว่า เศรษฐีไหนจะโง่มาลงทุน ถือเป็นคำที่แรงมากต้องเรียนว่า การเดินทางไปต่างประเทศของท่านนายกรัฐมนตรี เป็นไปเพื่อแสวงหาเม็ดเงินลงทุน ไปแสวงหาพันธมิตร ไปแสดงจุดยืนว่าประเทศไทยเปิดกลับมาสู่ตลาดโลกแล้ว

“ในฐานะ รมช.คลัง ขอเรียนว่า สิ่งที่ท่านนายกฯ ดำเนินไปได้รับสัญญาบวกจากนักลงทุน เอกชน นานาชาติ เพียงแต่ว่ากระบวนการลงทุนลักษณะนี้ เงินลงทุนแสนล้านไม่มีใครตัดสินใจวันเดียว หลังจากนั้นต้องติดตามพูดคุยเจรจาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐมนตรีใน ครม.นี้ เดินทางไปเพื่อติดตามเปิดการเจราที่ได้หารือไว้ และได้รับสัญญาณเชิงบวกที่ดี”

นอกจากนี้ ตัวเลขการลงทุนวันนี้ ตัวเลขเริ่มมาขึ้น ด้วยศักยภาพของที่ตั้งประเทศ เรื่องทรัพยากรธรรมชาติ เรื่องศักยภาพแรงงานของประชาชนคนไทย มีแรงจูงใจในศักยภาพที่จะไปเสนอให้เกิดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต เราจะได้เห็นสึนามิการลงทุนเกิดขึ้นในไทย ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ที่จะไหลเข้ามาสร้างงาน สร้างเงิน สร้างอาชีพ และถ่ายโอนเทคโนโลยีให้คนไทยพร้อมรองรับตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้