

ในขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกพืชหลายชนิดกำลังมีความสุข กับรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากราคาผลผลิตที่ขายได้สูงขึ้น แต่ยังมีเกษตรกรอีกหลายกลุ่ม อาทิเกษตรกรปลูกปาล์ม ซึ่งราคา ปาล์ม ร่วงหนัก ที่ต้องทนทุกข์ กับราคาผลผลิตที่ลดลง สวนทางต้นทุนที่พุ่งกระฉูด
ล่าสุด ถึงคิวชาวสวนปาล์มน้ำมัน ที่เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยด่วน หลังจากช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาผลปาล์มสด ที่ปีนี้เคยขายได้สูงใกล้เคียงกิโลกรัม (กก.) ละ 6 บาท ดิ่งลงอย่างหนัก และสัปดาห์นี้ เหลือต่ำกว่ากก.ละ 4 บาทแล้ว
เผยเหตุราคาดิ่งหนักต่ำสุดรอบ 40 ปี
สาเหตุที่ราคาปาล์มน้ำมันลดลงมากมาจากสารพัดปัจจัย โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ บอกว่า ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.67 ผลผลิตออกมากกว่าปกติ และผลผลิตไม่ค่อยมีคุณภาพ จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด
ส่งผลให้ผลปาล์มมีสีแดงจากการสุกแดด ไม่ได้สุกเองตามธรรมชาติ และเปอร์เซ็นต์น้ำมันลดลง ผู้ซื้อจึงซื้อในราคาลดลงตามเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ลดลง และส่งผลต่อรายได้ของชาวสวนปาล์ม

ขณะที่ชาวสวนปาล์มภาคกลาง ชี้ว่า โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อราคาต่ำลง กก.ละไม่ถึง 4 บาท ทั้งๆ ที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงถึง 18% จึงไม่ควรต่ำกว่ากก.ละ 5-6 บาท แต่กลับซื้อเท่ากับเปอร์เซ็นต์ 13-14% เท่านั้น
ส่วนชาวสวนปาล์มภาคใต้ จ.กระบี่ แหล่งปลูกปาล์มใหญ่ของประเทศ บอกว่า สาเหตุมาจากมีการปล่อยข่าวผ่านโซเชียลมีเดียว่า วันที่ 1 มิ.ย.นี้ โรงงานสกัดในจ.กระบี่ จะหยุดรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร
สร้างความตื่นตระหนก!! ทำให้เกษตรกรเร่งตัดผลปาล์มมาขายให้ลานเท เพื่อรวบรวมส่งให้โรงงานก่อน
จะหยุดตามข่าว เมื่อมีการขายจำนวนมากพร้อมๆ กัน ราคาที่เกษตรกรขายได้ลดลงเหลือเพียงกก.ละ 3.90 บาท ลานเทบางแห่งกดราคาหนักเหลือเพียงกก.ละ 3.30 บาท
ราคาตกต่ำสุดในรอบ 40 ปี!! นายทุนได้ประโยชน์ แต่เกษตรกรปางตาย เพราะต้นทุนก็ปาเข้ากก.ละกว่า 4 บาทแล้ว
ทั้งนี้ ชาวสวนปาล์มต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาด่วน อย่างรัฐบาลก่อน มีโครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน ไม่ต่ำกว่ากก.ละ 4 บาท หากราคาตลาดต่ำกว่าราคาประกัน รัฐก็จ่ายส่วนต่างราคาให้ แต่ช่วงเวลาดังกล่าว รัฐแทบไม่จ่ายเงินส่วนต่างเลย เพราะราคาตลาดสูงกว่าราคาประกันอย่างต่อเนื่อง แต่ปีนี้ ราคากลับดิ่งหนัก
หากรัฐบาลยังไม่เร่งแก้ไข สัปดาห์นี้ ชาวสวนปาล์มจะยกระดับการเรียกร้อง และอาจชุมนุมครั้งใหญ่หน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ หลังจากก่อนหน้านี้ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงรัฐบาลผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ไปแล้ว
สำหรับผลผลิตปาล์มน้ำมันปี 67 คาดว่า จะมีปริมาณ 18.12 ล้านตัน สกัดเป็นน้ำมัน ปาล์ม ดิบได้ประมาณ 3 ล้านตัน แยกเป็นการบริโภคในประเทศ 1.3 ล้านตัน ไบโอดีเซล 1.08 ล้านตัน และส่งออก 800,000 ตัน ล่าสุด มีสต็อกน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 200,000 ตัน ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม
พาณิชย์สั่งโรงสกัดซื้อไม่ต่ำกว่าโลละ 4.50 บาท

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา“นายภูมิธรรม เวชยชัย”รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้“นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม”อธิบดีกรมการค้าภายในลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ที่ จ.พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี เพื่อหาข้อเท็จจริงของราคาที่ลดลง
พร้อมกับให้ตรวจสอบการรับซื้อของลานเท และโรงงานสกัดว่าปกติหรือไม่ มีการชะลอรับซื้อ หรือซื้อราคาไม่สอดคล้องกับน้ำมันปาล์มดิบหรือไม่ ผลผลิตเป็นอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด และหาทางแก้ไข
และจากการลงพื้นที่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ “นายวัฒนศักย์” ได้ประชุมร่วมกับส่วนราชการ ผู้แทนเกษตรกร ลานเท และโรงงานสกัดในพื้นที่แล้ว ที่ประชุมมีมติให้โรงงานสกัด ดำเนินการ 2 ข้อ และกรมการค้าภายใน ได้หนังสือส่งแจ้ง “นายกสมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์ม” ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยทั้ง 2 ข้อ ได้แก่ 1.แจ้งข้อมูลต่อกรมการค้าภายในเป็นรายวัน ประกอบด้วย ข้อมูลการผลิตและจำหน่าย ทั้งปริมาณรับซื้อผลปาล์ม ปริมาณผลปาล์มน้ำมันที่ใช้ผลิต ปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ อัตราสกัดน้ำมันปาล์ม ราคารับซื้อผลปาล์ม ราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และแผนปิดซ่อมบำรุง โดยแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์

สำหรับกรณีมีความจำเป็นต้องปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉิน ขอให้แจ้งทันที เพื่อดำเนินการตรวจสอบ รวมทั้งการแจ้งข้อมูลปริมาณรถบรรทุกติดคิว โดยให้แจ้งตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.67 เป็นต้นไป
2.ปรับราคารับซื้อผลปาล์มให้สูงขึ้นไม่ต่ำกว่ากก.ละ 4.50 บาท หากผลผลิตสุกเต็มที่ มีคุณภาพดี ให้ปรับราคาเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับอัตราสกัดน้ำมันปาล์ม
“นายวัฒนศักย์” ย้ำว่า ขอให้โรงงานสกัดทุกราย ดำเนินการตามมติที่ประชุม หากพบว่า รับซื้อผลปาล์มในราคาที่ไม่สอดคล้องกับคุณภาพและราคาน้ำมันปาล์มดิบ อาจเข้าข่าย “จงใจ” ทำให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือทำให้เกิดความ “ปั่นป่วน” ซึ่งราคาสินค้า
จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 150,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 29 และมาตรา 41 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริกาฯ
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน จะประชุมติดตามสถานการณ์ราคา และอัตราสกัดน้ำมันปาล์มทุกสัปดาห์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร
หากสถานการณ์ราคาไม่ดีขึ้น หรือลานเท และโรงสกัด ไม่ดำเนินการตามมติ คงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง และเด็ดขาด!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “เพื่อไทย”หนุนเต็มที่ปลูกปาล์มคุณภาพ สร้างรายได้ให้เกษตรกร