กนอ. สั่งถอดบทเรียนไฟไหม้แท็งก์มาบตาพุด พร้อมเข้ม 8 ข้อสั่งปฏิบัติ

กนอ. สั่งถอดบทเรียนไฟไหม้แท็งก์มาบตาพุด
กนอ. สั่งถอดบทเรียนไฟไหม้แท็งก์มาบตาพุด

กนอ. สั่งถอดบทเรียนไฟไหม้แท็งก์มาบตาพุด พร้อมเข้ม 8 ข้อสั่งปฏิบัติทันที ทั้งตรวจสอบระบบความปลอดภัยและระบบดับเพลิงทั้งโรงงาน ติดตามตรวจสอบผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อชดเชยหรือเยียวยาอย่างเหมาะสม

  • ตรวจสอบระบบความปลอดภัย
  • และระบบดับเพลิงทั้งโรงงาน
  • ติดตามตรวจสอบผู้ได้รับผลกระทบ

วันที่ 12 พ.ค.2567 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (บอร์ด กนอ.) เปิดเผยภายหลัง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เหตุเพลิงไหม้ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ร่วมกับ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ กรรมการ กนอ. และนายธนวัฒน์ ปัญญาสกุลวงศ์ กรรมการ กนอ. ว่า

ได้รับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค แนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ การติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม และการดูแลประชาชน ขอชื่นชมและขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนช่วยในการควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ได้แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้อง นำเหตุการณ์นี้มาถอดบทเรียนเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น ครั้งนี้ถือว่าระงับเหตุได้ทันต่อสถานการณ์ และไม่ลุกลามไปยังถังข้างเคียงซึ่งอาจก่อให้เกิดความสูญเสียมากกว่านี้ได้

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ณ ชุมชนหนองแฟบ จ.ระยอง ได้ให้ความมั่นใจกับผู้ได้รับผลกระทบว่า ทางบริษัทฯ พร้อมเยียวยาและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดย กนอ. และจังหวัดระยอง พร้อมให้การช่วยเหลือ ส่วนเรื่องของสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ ต้องใช้เวลาตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใดต่อไป

ด้าน นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ได้ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทีมผจญเพลิง และรับฟังแผนการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ เพื่อให้กลับสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว พร้อมกำชับดูแลผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ทั้งชุมชน สิ่งแวดล้อม และผู้ประกอบการโดยรอบ ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยความระมัดระวังสูงสุด อย่างไรก็ตาม กนอ. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หยุดประกอบกิจการโรงงานบางส่วน ประกอบด้วย

หยุดการใช้งานถังบรรจุสารเคมีหมายเลข TK-1801 และ TK-1701 รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และให้ดำเนินการตรวจสอบ ประเมิน วิเคราะห์หาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรวจสอบความปลอดภัยโครงสร้างความแข็งแรงของถังบรรจุสารเคมี ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอก (Third Party)

1.หยุดการใช้งานชั่วคราวถังบรรจุสารเคมีหมายเลข TK-4701 เพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัย

2.ตรวจสอบระบบความปลอดภัยและระบบดับเพลิงทั้งโรงงาน

3.ติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง

4.ดำเนินการจัดการน้ำเสีย สารเคมีที่เกิดขึ้นจากการระงับเหตุให้ถูกต้องตามกฎหมาย

5.ติดตามตรวจสอบผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อชดเชยหรือเยียวยาอย่างเหมาะสม

6.กำหนดมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำ ในระยะสั้นและระยะยาว

ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ที่จะต้องดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของโรงงานในส่วนของพื้นที่ข้างต้น ให้บริษัทฯ ขออนุญาต กนอ.ก่อนดำเนินการทุกครั้ง

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังรับฟังความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ว่า จากการลงตรวจพื้นที่พบว่า สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และบริษัท ได้ทำการควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างเด็ดขาด แต่ขณะเดียวกันยังทำการฉีดโฟมหล่อเย็นไว้ เพื่อควบคุมอุณหภูมิจากสภาวะอากาศที่มีอุณหภูมิสูง

ด้านการดูแลประชาชนในพื้นที่โดยรอบนั้น ได้อพยพประชาชนไปยังที่ทำการชุมชนตากวนอ่าวประดู่ จ.ระยอง รวมทั้งประสานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะสหเวชศาสตร์ เพื่อส่งทีมแพทย์เข้ามาดูแลสุขภาพ และตรวจรักษาให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว

ส่วนการตรวจวัดคุณภาพน้ำชุมชนโดยรอบพื้นที่ โดยรถโมบายของสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (สนพ.) จำนวน 2 จุด ได้แก่ คลองชากหมาก และบริเวณบริษัท ไทยพลาสติกเคมีภัณฑ์ พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

ขณะที่ คุณภาพในบรรยากาศพบว่า ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดตรวจสถานีอนามัยตากวน จุดตรวจสถานีหนองเสือเกือก และจุดตรวจสถานีเทศบาลเมืองมาบตาพุด อยู่ในเกณฑ์ปกติ

“สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เบื้องต้นทางบริษัทยืนยันว่าจะดูแลและเยียวยาอย่างเต็มที่ และดิฉันได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ยังกำชับ กนอ. ให้กำกับดูแลการประกอบกิจการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และท่าเรืออุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด และรัดกุมมากขึ้น อีกทั้งต้องกำกับ ให้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 ที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างจริงจังด้วย” น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าว

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก และทวีตข้อความผ่าน X ระบุว่า ผมทราบการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ถังเก็บวัตถุดิบสารไพโรไลซิส แก๊สโซลีน ของ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด พร้อมได้ประสาน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เข้าไปติดตามการระงับเหตุ และป้องกันผลกระทบที่จะเกิดต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงขอให้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ

นายกฯ ระบุอีกว่า โดยได้มีการเปิดห้องวอร์รูม เพื่อประสานเหตุการณ์ในการระงับเหตุ และให้รถตรวจการณ์ EMCC เข้าตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณเหนือลม และท้ายลม รวมทั้งตรวจสอบผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณพื้นที่ชุมชน พบว่าไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด นอกจากนี้ ได้ประสานกับบริษัท SCG เพื่อใช้เรือในการอพยพผู้คนทางเรือ และได้อพยพคนออกมาอยู่ในจุดปลอดภัยแล้ว 

“ผมห่วงใยไปถึงพี่น้องประชาชน และได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีมาตรการป้องกัน และควบคุมให้ดียิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีกครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: “อธิรัฐ”กำชับ!กรมเจ้าท่าเร่งปฏิบัติการตามแผนแห่งชาติฯ รับมือน้ำมันดิบรั่วไหลที่มาบตาพุด

: กนอ.ถอดบทเรียน เพลิงไหม้มาบตาพุดแทงค์ เข้ม 8 ข้อสั่งปฏิบัติทันที