- เพิ่มภาระหนี้อีก 1,000 ล้านเดอลลาร์ทั้งซื้อหนังและอาจซื้อกิจการ
- เร่งสร้างการเติบโตนอกตลาดสหรัฐ
- ท่ามกลางการแข่งขันในธุรกิจที่เริ่มดุเดือด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน Netflix ผู้ให้บริการสตริมมิ่ง กล่าวว่า บริษัท วางแผนที่จะเพิ่มภาระหนี้อีกประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 32,000 ล้านบาทเพื่อระดมคอนเทนท์ภาพยนตร์และรายการใหม่ๆ หลังจากพบว่ามีลูกค้าใหม่เพิ่มเป็นสองเท่า ในช่วงแพร่ระบาดที่ผู้คนกักกันตนเองอยู่บ้านกัน ซึ่งล่าสุดมีรายงานตัวเลขเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคมอีก 16 ล้านราย โดยมีสมาชิกรวม 183 ล้านรายทั่วโลก
ข่าวดังกล่าวทำให้ราคาทำหุ้นของ บริษัท Netflix ลดลง 3% ที่ 420 เหรียญสหรัฐในการซื้อขายช่วงเช้าวันพุธ จากที่คาดการณ์ว่าครึ่งปีหลังสมาชิกใหม่จะลดตัวลงเมื่อคาดว่าคำสั่งล็อคดาวน์จะถูกยกเลิกลง
Netflix วางแผนที่จะใช้เงินสดบางส่วนในการซื้อภาพยนตร์และรายการใหม่ๆ และอาจเป็นไปได้ว่าจะเข้าซื้อกิจการ ซึ่งสตูดิโอรายใหญ่ได้หยุดการผลิตและและเลื่อนการฉายภาพยนตร์ใหม่ออกไป เนื่องจากการล็อคดาวน์
“เทด ซาแรนดอส” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายคอนเทนท์ ของ Netflix กล่าวว่า ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ท่ี่ถ่ายทำสำหรับปี 2020 และในปี 2021 ในขบวนการตัดต่อขั้นสุดท้ายนั้นได้เสร็จสิ้นแล้ว และบริษัทของเขาได้ทำงานร่วมมากกว่า 200 เรื่อง
ท่ามกลางธุรกิจสตริมมิ่งที่ Netflix ได้บุกเบิกมาเริ่มแข่งขันกันรุนแรง หลังจากการเปิดตัว Disney+ ของค่ายดิสนีย์ Apple TV+ ของแอปเปิลและรายอื่นๆ ซึ่งเป็นภัยคุกคามของ Netflix ทำให้ต้องเร่งหาคอนเทนท์ใหม่ๆ และการมองไปตลาดนอกสหรัฐเพื่อการเติบโตต่อไป
Netflix เปิดตัวรายการออริจินัลยอดนิยมหลายรายการในไตรมาสแรกรวมถึงภาพยนตร์แอ็คชั่น Spenser Confidential ภาพยนตร์สารคดี Tiger King รายการออกเดท Love is Blind และละครเรื่อง Money Heist ของสเปน
ส่วนไตรมาสปัจจุบันรวมถึงภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่อง Extraction ซิทคอม #blackAF ภาพยนตร์ตลก Space Force และซีรีย์เรียลลิตี้ Too Hot to Handle
โดยในปีที่ผ่านมา Netflix มีงบประมาณเป็นเงินสด 15,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อภาพยนตร์และรายการใหม่ในปีที่แล้ว และทาง BMO Capital Markets คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายจะเพิ่มเป็น 17,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
Netflix ซึ่งมีหนี้สินประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ ได้ระดมเงินล่าสุดในเดือนตุลาคม 2562 ผ่านการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ 2,000 ล้านดอลลาร์