ขาดดุลให้ซาอุ-ยูเออี มากที่สุดจากผลกระทบต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ส่งออกไปจีนฟื้นตัวจากสินค้าเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ได้ดุลจากสหรัฐ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการญี่ปุ่น โดยกนะทรวงการคลัง ได้เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งสิ้นปีงบประมาณประจำปี ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปรกาฏว่าญี่ปุ่นนประสบผลการขาดทุลทางการค้าเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากต้นทุนทางด้านพลังงานและการนำเข้าอืนๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเินเยนยังคงอ่อนค่า
ตัวเลขการดุลอยู่ที่ 5.89 ล้านล้านเยนหรือประมาณ 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดการขาดทุลมากที่สึดจากตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เช่นเดียวกับออสเตรเลียและอินโดนีเซีย โดยญี่ปุ่นได้การค้าจาก สหรัฐฯ และบางประเทศในยุโรป
ขณะที่การส่งออกประจำปีไปยังจีนลดลงเล็กน้อย โดยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี แม้ว่าข้อมูลรายเดือนล่าสุดจะแสดงให้เห็นว่าการส่งออกไปยังจีนฟื้นตัว โดยเพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้าก็ตาม
โรเบิร์ต คาเนล หัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ ING Economics กล่าวว่าการส่งออกที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งทำให้การส่งออกไปยังจีนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นว่าการส่งออกยังเติบโตไปยังภูมิภาคอื่นๆ อีกด้วย
“เราคิดว่าการส่งออกจะเป็นกลไกหลักสำหรับการเติบโตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” เขากล่าว
ค่าเงินเบนที่อ่อนตัวลงเมื่อเร็วๆ นี้ ส่งผลกระทบต่อดุลการค้า เนื่องจากมีต้นทุนการนำเข้าเป็นเงินเยนมากขึ้น และขณะที่การส่งออกเพิ่มมูลค่าขึ้นเมื่อแปลงเป็นเงินเยน โดยค่าเงินเยน 150 เยน/ดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ จากปีทีผ่านมา 130 ดอลลาร์/ดอลลาร์
ข้อมูลประจำเดือนมีนาคมซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ แสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นเกินดุลการค้า 366.5 พันล้านเยน (2.4 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากการส่งออกเติบโต 7% จากปีที่แล้ว ในขณะที่การนำเข้าลดลงเกือบ 5% การส่งออกไปสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมขยายตัวมากกว่า 8%
การขาดดุลการค้าในปีงบประมาณ 2023 นั้นน้อยกว่าที่เคยเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2022 มาก ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครนและราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น มันเกือบจะเหมือนกับที่บันทึกไว้ในปีงบประมาณ 2021 ญี่ปุ่นมีการเกินดุลการค้าในปีงบประมาณ 2020
