“เศรษฐา” แจง จบเศรษฐศาสตร์มา ไม่ได้จมปลักอยู่แค่ลดดอกเบี้ย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง

“เศรษฐา” แจง จบเศรษฐศาสตร์มา ไม่ได้จมปลักอยู่แค่ลดดอกเบี้ย แต่การลดดอกเบี้ยเป็นการแบ่งเบาภาระของ คนไทยทุกคน

  • ต้องยอมรับว่าไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้าไปในระบบ 
  • อยากให้ดิจิทัลวอลเล็ตเกิดภายในเดือนพ.ค.นี้

“อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5 % หากลดลงเหลือ 2.25 % เพียงสลึงเดียวก็จะช่วย บรรเทาภาระของประชาชนทุกคนได้แต่เขาไม่ลดกัน”

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงกรณี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายปี 2566 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ขยายตัวที่1.7% ทั้งปี2566 จีดีพีขยายตัว 1.9% ว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจีดีพีประเทศไทยโตเฉลี่ยต่ำกว่า 2% ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านมาก อันดับจีดีพีโลก ของไทยก็ลงมาเรื่อย ๆ และรัฐบาลยังไม่สามารถใช้งบประมาณได้ งบประมาณยังไม่ผ่าน เร็วที่สุดน่าจะเป็น 1 เมษายน 2567

นายเศรษฐากล่าวว่า วันนี้ต้องยอมรับว่าไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้าไปในระบบ  ซึ่งหลายสำนักปรับประมาณการณ์จีดีพีลงอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดำเนินการทุกมาตรการที่มีอยู่ ขอฝากไว้ว่านโยบายดอกเบี้ยไม่ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5 % หากลดลงเหลือ 2.25 % เพียงสลึงเดียวก็จะช่วย บรรเทาภาระของประชาชนทุกคนได้แต่เขาไม่ลดกัน ดอกเบี้ยนโยบายใครเป็นคนควบคุม ก็คือธนาคารแห่งประเทศไทย  ตนเองได้พูดคุยกับเลขาธิการสภาพัฒน์ ก็บอกว่าเราได้ทำทุกวิถีทางแล้ว ซึ่งเลขาธิการสภาพัฒน์ระบุว่าได้คุยกับผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าถึงเวลาที่จะต้องลดดอกเบี้ยแล้ว

“เลขาสภาพัฒน์ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและผมเองต่างก็จบเศรษฐศาสตร์มา ตรงนี้เราไม่ได้มาเอาชนะกัน แต่ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมีการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้น เพื่อรองบประมาณที่จะคลอดออกมา ผมก็ได้สอบถามกับเลขาธิการสภาพัฒน์ว่าสามารถทำอะไรได้อีก หากมีอะไรที่ทำได้ก็ขอให้เสนอมา ผมไม่ได้จมปลักอยู่กับการลดดอกเบี้ยอย่างเดียว แต่การลดดอกเบี้ยก็เป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชน คนไทยทุกคน ซึ่งเห็นอยู่แล้วสำหรับตัวเลขที่ออกมา”     นายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายกังวลว่าการเติมเงินเข้าไปในระบบจำนวน 500,000 ล้านบาท จะทำให้เงินเฟ้อ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัจจุบันนี้ตัวเลขเงินเฟ้อติดลบอยู่แล้ว หากจะบอกว่าติดลบจากการที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนผ่านมาตรการลดราคาน้ำมัน หรือพยุงราคาไฟฟ้า ซึ่งหากถอดดัชนีตรงนี้ออกไปเงินเฟ้อขึ้นมาไม่ถึง 1% ยังไม่ถึงกรอบต่ำสุด หลายเรื่องที่รัฐบาลทำต้องใช้เวลารวมไปถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วย หากทุกคนเห็นด้วยและพิสูจน์ให้ได้ว่าไม่มีการทุจริต และประพฤติมิชอบ ก็จะพยามทำให้เร็วที่สุด อยากจะให้เกิดขึ้น ภายในเดือนพฤษภาคม