เศรษฐา สั่งมหาดไทย แรงงาน สตช.สยบวัยรุ่นภัยสังคมทั่วประเทศ ยกเว้นมติครม.ครูไม่ต้องอยู่เวรแล้ว ตั้งแต่วันนี้(23ม.ค.67) เป็นต้นไป
- ครม.เห็นชอบโครงการของกลุ่มจังหวัดอันดามัน 18 โครงการ 552 ล้านบาท
- ให้ใช้งบประมาณจากงบกลางปี 2566 ไปพลางก่อน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ(ครม.สัญจร) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ตและสตูล) ที่ จ.ระนองว่า ครม.เห็นชอบโครงการของกลุ่ม 7 จังหวัด 13 โครงการ วงเงิน 350 ล้านบาท จังหวัดละ 50 ล้านบาท และโครงการตามข้อเสนอของภาคเอกชน 5 โครงการวงเงิน 202 ล้านบาท โดยให้ใช้งบประมาณจากงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2566 ไปพลางก่อน
นายเศรษฐากล่าวว่า ตามที่เมื่อเร็วๆนี้เกิดเหตุการณ์รุนแรงครูถูกทำร้าย ในการอยู่เวร ครม.จึงมีมติให้ยกเว้นมติครม.เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 หรือกว่า 20 ปีแล้ว สภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีเปลี่ยนไปแล้ว โดยให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น หน่วยงานต่างๆจะรับไปพิจารณา
ทั้งนี้ก่อนการประชุมครม.นายเศรษฐา ได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณครูซึ่งต้องอยู่เวรรักษาการณ์ในโรงเรียน ซึ่งการอยู่เวรรักษาการณ์ดังกล่าวแม้จะเป็นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 แต่นายกรัฐมนตรีเห็นว่า มติคณะรัฐมนตรีนั้นไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่มีบุคคลหรือเครื่องมือในการช่วยเหลือดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการมากมาย เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัย นักการภารโรง กล้องวงจรปิด อีกทั้งการให้ครูต้องมาอยู่เวรรักษาการณ์ก็เป็นการกำหนดหน้าที่และความเสื่อมเพิ่มเติมให้กับครู นอกเหนือจากการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
นายกรัฐมนตรีจึงเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณายกเว้นมติวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 แก่โรงเรียนของทุกสังกัดตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมตินี้เป็นต้นไป และให้รวมถึงการอยู่เวรรักษาการณ์ของส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจที่มีการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือที่ใช้วิธีการอื่นใดเพื่อรักษาความปลอดภัยแล้วด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนทั้งประเทศ มีการจัดหางาน ไม่ให้เกิดความรุนแรงของกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเริ่มมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม
ขณะเดียวกันได้สั่งการเร่งรัดให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวของไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว มาเลเซีย โดยมีไทยเป็นผู้นำ เพื่อความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้
