

กลุ่มบริษัทบางจาก โชว์ “วิสัยทัศน์ 2030” ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ การจัดสรรทุนสร้าง Synergy ปี’73 หวังนำธุรกิจทำ EBITDA เข้าเป้าหมาย 100,000 ล้านบาท/ปี เร่งขับเคลื่อน 6 แผนงานใหญ่

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารโชว์วิสัยทัศน์ 2030 ในโอกาสบางจากดำเนินงานครบ 40 ปี กำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ทุกฝ่ายพร้อมจะทำให้เป็นปีแห่งการสร้างพลังงานอัจฉริยะหรือ Synergy ด้วยวิธีปรับตัวและเติบโต ด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์อย่างชัดเจน นำกลุ่มธุรกิจภายใต้การดำเนินงานก้าวสู่ความเป็นเลิศ ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายธุรกิจต่อเนื่อง มีวินัยทางการเงิน ทำให้ 6 ปีข้างหน้า พ.ศ. 2573 สามารถทำกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายเข้าเป้าหมาย EBITDA 100,000 ล้านบาท รักษาความเป็นผู้นำพลังงานของไทย พร้อมกับขยายตลาดโลกเพิ่มขึ้น สร้างรากฐานอันมั่นคง เติบโตอย่างยั่งยืน
โดยจะก้าวไปข้างหน้าสร้างอนาคตผ่าน “การลงทุนและนวัตกรรม” ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ภายใต้วิสัยทัศน์ “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” สู่เป้าหมายปี 2573 เรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน และปี 2593 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่ง สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศไทยและภูมิภาค ขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สถานการณ์ธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากช่วงครึ่งแรกปี 2567 ดำเนินงานอย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่นท่ามกลางสภาพตลาดที่ท้าทาย ด้วยวิสัยทัศน์ชัดเจนและบริหารจัดการอย่างประสิทธิภาพ ผลการดำเนินงานเติบโตยั่งยืน เริ่มจาก “เปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์บางจาก” เป็น “ใบไม้ใบใหม่” สะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านพลังงานของประเทศทั้งทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลูกค้าและสังคมตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลต่อให้สถานีบริการน้ำมันมีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ยืนยันลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์บางจากและคุณภาพผลิตภัณฑ์
ปี 2568 จะเริ่มผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF :Sustainable Aviation Fuel) นำพาทั้งบริษัทฯและประเทศไทยช่วยสร้างความยั่งยืนให้บางจากฯ และสังคมมีทางเลือกใช้น้ำมันยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งด้วยความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทบางจากผู้นำการพัฒนาเชื้อเพลิงยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ตามแนวคิด Bangchak 100x เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย EBITDA 100,000 ล้านบาท และเติบโตเป็นองค์กรที่ยั่งยืน 100 ปีคู่สังคมไทย
แล้วบางจากฯ ยังยึดมั่นในพันธกิจขับเคลื่อนการเติบโตโดยรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงาน การเข้าถึงพลังงาน ความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายในปี 2593 จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแผนขยายธุรกิจ 6 แผนงาน ดังนี้
- แผนงานที่ 1 “โรงกลั่นและค้าน้ำมัน และธุรกิจต่อเนื่อง” เน้นสร้าง synergy ระหว่างโรงกลั่นระดับโลก 2 แห่ง คือ โรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา ตั้งเป้ากลั่นน้ำมัน 280,000 บาร์เรล/วัน ปี 2568 จากกำลังการกลั่นติดตั้ง (nameplate capacity) รวม 294,000 บาร์เรล/วัน มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มค่าการกลั่น (GRM) นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการตลาด และขยายการผลิตผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่มีมูลค่าสูง เช่น Unconverted Oil และขี้ผึ้ง ปี 2568 จะเป็นปีบุกเบิกความเป็นผู้นำผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) กำลังการผลิต 7,000 บาร์เรล/วัน มีความพร้อมการจัดวัตถุดิบจากเครือข่ายพันธมิตรและรับซื้อน้ำมันผ่านโครงการทอดไม่ทิ้งทั่วประเทศ เพราะSAF เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาร์จิ้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานแบบดั้งเดิม และมีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มขึ้นในอนาคต ทำให้กลุ่มบริษัทบางจากก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดโรงกลั่นเฉพาะทางโดยยึดมั่นด้านนวัตกรรมความยั่งยืน
- แผนงานที่ 2 “ความเป็นเลิศในธุรกิจการตลาด” ได้ขยายแนวคิด “Greenovative Destination” เพิ่มเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,400 แห่ง ภายในปี 2573 ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 33% เจาะตลาดที่มีความต้องการสูง และในส่วนธุรกิตตลาดพาณิชยกรรมมุ่งขยายตลาดทั่วภูมิภาค (กัมพูชา ลาว สหภาพเมียนมาร์ และเวียตนาม) รวมบริการตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมสร้างประสบการณ์ใช้บริการให้ลูกค้าและเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์บางจาก เช่น ร้านกาแฟอินทนิล กับสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
- แผนงานที่ 3 “การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” ขยายธุรกิจพลังงานสีเขียว ผ่าน บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ซึ่ขยายตัวต่อเนื่อง ปี 2573 ตั้งเป้าได้รับคัดเลือกเป็นหุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 และเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืนได้รับเลือกเป็นสมาชิกดัชนี DJSI ด้วยกลยุทธ์เน้นขยายการลงทุนพลังงานสีเขียวในประเทศที่มีธุรกิจอยู่แล้ว และการทำ capital recycling สร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้น และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยทางการเงินและผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสม
ส่วน บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพแบบครบวงจร มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์และขยายธุรกิจหลักสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูง ตั้งเป้าปี 2568 จะเป็นผู้ผลิต CDMO (Contract Development and Manufacturing Organization) รายแรกในอาเซียน เริ่มจากปี 2571 มีแผนจะผลิตมากกว่า 1 ล้านลิตร/ปี
- แผนงานที่ 4 “สร้างความมั่นคงทางพลังงานผ่านธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม” สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) ด้วยการลงทุนตั้งแต่ปี 2561 ใน OKEA ASA ที่นอร์เวย์ มีเป้าหมายปี 2573 จะขยายกำลังการผลิต 50,000 บาร์เรล/วัน พร้อมกับจะขยายธุรกิจ E&P สู่ภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก เช่น เอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน เพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ E&P ปี 2573 ตั้งเป้าการผลิตรวมให้ได้ 100,000 บาร์เรล/วัน
- แผนงานที่ 5 “แพลตฟอร์มเพื่อรองรับการเติบโตและเสถียรภาพทางการเงิน” ให้ความสำคัญการพัฒนาแพลตฟอร์มรองรับการเติบโตเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความมั่นคงทางพลังงาน ให้ผู้บริโภคเข้าถึงพลังงานได้ในราคาที่เหมาะสมและยั่งยืน ระหว่างปี 2568-2573 มีแผนลงทุนรวม 120,000 ล้านบาท นำไปสู่เป้าหมายสร้าง EBITDA ใหม่ภายในปี 2573 ที่ 100,000 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดที่แข็งแกร่ง การเพิ่มประสิทธิภาพและกระจายธุรกิจสร้างสมดุลให้พอร์ตโฟลิโอ พร้อมการเงินที่แข็งแกร่ง ได้รับการจัดอันดับเครดิต ‘A’ ที่มั่นคงจาก TRIS Rating ซึ่งช่วยเน้นโอกาสเติบโต แล้วยังคงรักษาผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) และผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) แข็งแกร่ง
- แผนงานที่ 6 “แนวทางเพื่อการเติบโต” มุ่งเน้นขยายธุรกิจระยะยาวผ่านการพัฒนาและขยายธุรกิจใหม่ ๆ เช่น พัฒนาเทคโนโลยีตอบโจทย์สังคมคาร์บอนต่ำ เข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนและใช้พลังงานใหม่ๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำระบบดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้ ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงโลกและสร้างประโยชน์สูงสุดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว
เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : CEO บางจาก จัดเต็มเวที สศค. เร่งธุรกิจทำตลาดคาร์บอน 3 แนวใหม่