ซีอีโอ บางจาก ฯ ขึ้นเวทีใหญ่ สศค. เร่งธุรกิจทั่วไทยเข้า “มาตรฐานคาร์บอนเครดิต” ชี้กุญแจสำคัญต้องเร่งดึงอาเซียนร่วมวงยกระดับตลาดภูมิภาค แนะทำ 3 แนวทาง “บัญชีคาร์บอน-รับมือมาตรการระหว่างประเทศ-ภาษีสิ่งแวดล้อม” บางจากริเริ่มเป็นผู้นำแล้ว 4 ด้าน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ขึ้นเวทีทำหน้าที่วิทยากรในงานสัมมนาวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประจำปี 2567 “Fiscal GreenPrint พิมพ์เขียวนโยบายการคลังสู่เศรษฐกิจสีเขียว” ในหัวข้อ “Fiscal GreenPrint: Bridging Policy and Practice เชื่อมนโยบายสู่การปฏิบัติ” โดยทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จัดขึ้นที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ พร้อมกับเปิดให้ผู้นำองค์กรต่าง ๆ นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับผู้นำอีก 4 องค์กร คือ ดร.พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายผยง ศรีวณิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ดร.พูนเพิ่ม วรรธนะพินทุ ผู้จัดการด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค บริษัท บูโร เวอริทัส (ประเทศไทย) จำกัด และ นายธันยวัฒน์ ทั่งตระกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท ธาอีส อีโคเลทเธอร์ จำกัด
นายชัยวัฒน์กล่าวว่าได้นำเสนอเรื่องความสำคัญการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวทางธุรกิจต้องปรับตัวตอบสนองต่อกฎระเบียบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลัก ๆ 3 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 จัดทำบัญชีคาร์บอน ประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) และประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) เพื่อให้มีข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร วางแผนสู่เป้าหมายก้าวสู่คาร์บอนเป็นศูนย์หรือ Net Zero
แนวทางที่ 2 เตรียมรับมาตรการต่าง ๆ ทางด้านภาษีทั้งระดับประเทศและสากลทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ส่งออกสินค้า จะต้องเผชิญกับมาตรการอย่าง CBAM (Carbon Border Adjustment) และสิทธิประโยชน์ด้านภาษี หรือแรงจูงใจจากภาครัฐ จะเป็นปัจจัยช่วยธุรกิจปรับตัวได้ ด้วยการยกตัวอย่างร่างกฎหมาย Inflation Reduction Act ของสหรัฐซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนด้านพลังงานสะอาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะช่วยสร้างความสามารถทางการแข่งขันอีกทางหนึ่งให้ประเทศ
แนวทางที่ 3 เตรียมพร้อมรับมือมาตรการทางด้านภาษีซึ่งจะนำประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัวตั้ง และในระดับสากลกำลังเข้มข้นขึ้น เรื่องสำคัญคือการชดเชยคาร์บอนเครดิต จึงต้องย้ำให้เห็นถึงความสำคัญอย่างมากเรื่องการจัดตั้งมาตรฐานการตรวจสอบคาร์บอนเครดิตร่วมกันในอาเซียน
เนื่องจากแนวทางดังกล่าวจะช่วยสร้างความสอดคล้องกันระหว่างประเทศสมาชิกด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมและตลาดคาร์บอน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดคาร์บอนของภูมิภาค พร้อมกับลดความเสี่ยงจากการนับซ้ำหรือการทุจริต แถมยังช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนในโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างคล่องตัวมากขึ้น ช่วยเพิ่มพลังเสียงอาเซียนในเวทีเจรจาระดับโลก ทำให้ภูมิภาคนี้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีตลาดทุนสามารถเข้ามามีบทบาทขับเคลื่อนด้านนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายชัยวัฒน์ ย้ำว่าตนได้แบ่งปันประสบการณ์ของบางจากในการดำเนินธุรกิจ โดยเล็งเห็นแนวโน้มในอนาคตเน้นให้ความสำคัญเรื่อง “การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน” จึงได้ริเริ่มดำเนินการความเป็นผู้นำด้านต่าง ๆ ไฮไลต์ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1 การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ด้านที่ 2 การลงทุนในเหมืองแร่ลิเทียมซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ ด้านที่ 3 การผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF (Sustainable Aviation Fuel ) ด้านที่ 4 ก่อตั้ง Carbon Markets Club ตั้งแต่ปี 2564 เพื่อเป็นองค์กรสนับสนุนขับเคลื่อนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและสร้างความตระหนักรู้และรับมือกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในงานสัมมนาครั้งนี้บางจากฯ ได้จัดแสดงบูธนิทรรศการ Carbon Markets Club คลับรักษ์โลกแห่งแรกของประเทศไทย บางจากฯ นำทีมก่อตั้งเมื่อปี 2564 ร่วมกับ บมจ.บีซีพีจี และองค์กรพันธมิตรรวม 11 องค์กรปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 1,200 ราย แบ่งเป็นประเภทองค์กรและบุคคล ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมสัมมนาจำนวนมาก และได้รับเกียรติจาก ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน แวะเยี่ยมชมและรับฟังข้อมูล จากนางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บางจากฯ และประธาน Carbon Markets Club ซึ่งพร้อมจะรับสมาชิกลงทะเบียนเข้าร่วมฟรีเพื่อขยายเครือข่ายสร้างการรับรู้ทิศทางการพัฒนาและยกระดับตลาดคาร์บอนเมืองไทยก้าวสู่สากลอย่างเข้มแข็งต่อไป
เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : CEO บางจาก แนะธุรกิจตลาดทุนไทยตื่นรับมือภูมิอากาศโลก