ทอท. พร้อมรับผู้โดยสารมาใช้บริการทั้ง 6 ท่าอากาศยานในช่วง สงกรานต์ AOT พร้อมนำระบบเทคโนโลยีมาให้บริการ หลังจากปริมาณผู้โดยสารกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. กล่าวยืนยันว่า ในช่วงเทศกาล สงกรานต์ ทอท. มีความพร้อมรองรับปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ในทุกด้าน โดยเฉพาะภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่คาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากช่วงเวลาปกติ อยู่ที่ 190,000 -200,000 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
กระตุ้นท่องเที่ยวสำเร็จ
เทียบเท่ากับช่วงเดียวกันก่อนการเกิดแพร่ระบาดโควิด-19 ปริมาณผู้โดยสารกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลสำเร็จจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลผ่านนโยบาย Free Visa ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยแก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
อีกทั้งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการประกาศให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบินในภูมิภาค AOT ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบุคลากรรองรับปริมาณผู้โดยสาร พร้อมนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้ผู้โดยสารใช้ระยะเวลารอคอยให้น้อยที่สุด ทั้ง ระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ ระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง ซึ่งยังช่วยลดต้นทุนให้กับสายการบิน ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผ่านใบหน้าที่จะขยายไปยังผู้โดยสารระหว่างประเทศช่วงปลายปีนี้
ทุกขั้นตอนทำให้เร็วขึ้น
การเปิดเคาน์เตอร์เช็กอินเร็วขึ้นอีก 1 ชั่วโมง ลดขั้นตอนการตรวจค้น ให้เร็วขึ้น ติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Auto Channel ที่ครอบคลุมผู้โดยสารทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติถึง 91 ประเทศภายในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมดจะทำให้กระบวนการ ตม.เร็วขึ้นนอกจากนี้ AOT ยังให้การสนับสนุนสายการบินมีไฟล์โดยสารเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ราคาตั๋วโดยสารถูกลง
ด้านนาย กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายนนี้ในช่วงเทศกาล สงกรานต์ จะมีผู้โดยสารใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรวม 7 วันประมาณ 1,340,000 คน มีเที่ยวบินให้บริการประมาณ 7,000 เที่ยวบิน พร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดูแลภาพรวมการให้บริการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตลอด 24 ชั่วโมง จึงขอความร่วมมือผู้โดยสารเผือเวลาเดินทางมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง
ประกาศให้ประเทศไทยเป็นAVIATION HUB
ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม2567 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ขึ้นเวที “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” ประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค จัดขึ้น ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายเศรษฐา ได้กล่าวช่วงหนึ่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิว่า จากนี้รัฐบาลจะเปลี่ยนบทบาทของสนามบินสุวรรณภูมิให้รองรับได้ทั้งการขนส่งคน และสินค้า ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยรัฐบาลมีแผนจะขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิให้รองรับผู้โดยสารได้ถึง 150 ล้านคนต่อปี โดยแผนดำเนินงานในระยะสั้น จะเร่งแก้ไขคอขวดใน 6 เดือน ซึ่งล่าสุดทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้เปิดอาคารเทียบเครื่องบิน SAT 1 ไปแล้ว
และจะเปิดใช้ให้เต็มขีดความสามารถ 100% รองรับผู้โดยสารได้จาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ส่วนขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง จะต้องปรับปรุงให้มีความคล่องตัว รวดเร็วมากกว่านี้ ภายใน6เดือน
ขณะที่ในปี 2567 ก็มีแผนเตรียมเปิดใช้รันเวย์ 3 จะสามารถรองรับเที่ยวบินจาก 68 เที่ยวต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวต่อชั่วโมง และมีแผนจะก่อสร้างขยายอาคารผู้โดยสารทางทิศตะวันออก – ทิศตะวันตก ให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 30 ล้านคนต่อปี
ยกระดับสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสาร 150 ล้านคน
สำหรับในส่วนของแผนงานระยะยาว ก็จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางทิศใต้ เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านคนต่อปี พร้อมก่อสร้างรันเวย์ที่ 4 เพื่อรองรับเที่ยวบินได้ถึง 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดที่ดำเนินการก็จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิ มีความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสาร 150 ล้านคน ถ้าดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ 150 ล้านคน จะมีรายได้เข้าประเทศ ทั้งในส่วนร้านอาหาร ศูนย์การค้า โรงแรม เอสเอ็มอี
อ้างอิง : บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
