ดัชนีดาวโจนส์ติดลบเล็กน้อย นักลงทุนการใช้จ่ายผู้บริโภค “สิงห์ปืนฝืด”

  • ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ลดลง 0.3% ลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
  • นักลงทุนหวั่นปัจจัยขัดแย้ง “ฮ่องกง” ซ้ำเติมเจรจาการค้าล่ม
  • จับตาอังกฤษ -สหภาพยุโรป หากข้อตกลง Brexit

วันที่ 2 ของการทำการในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาทรงตัวแบบไร้ทิศทางอีกครั้ง โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 27,014.01จุด ลดลง 10.79 จุด หรือ -0.04% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,997.19 จุด บวกเพิ่มขึ้น 1.51 จุด หรือ +0.05% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,142.51 จุด ลดลง 6.20 จุด หรือ -0.08%

ยอดค้าปลีกในเดือนก.ย.ที่ลดลง 0.3% การปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่งสัญญาณว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เคยเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น กำลังชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลถึงความซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐอีกครั้ง

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ภาคครัวเรือนลดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งรวมถึงการซื้อรถยนต์ วัสดุก่อสร้าง งานอดิเรก รวมไปถึงการซื้อสินค้าออนไลน์

ขณะที่สถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ในฮ่องกง และความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นฮ่องกง ทำให้นักลงทุนกังวลว่า อาจจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งมีความเปราะบางอยู่แล้วในขณะนี้ หลังมีรายงานว่า จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐอีกอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ เพื่อสรุปรายละเอียดของข้อตกลงการค้าขั้นแรกก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะลงนามร่วมกัน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตา นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ซึ่งจะรายงานสรุปต่อคณะรัฐมนตรีอังกฤษเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจา Brexit กับผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่กรุงบรัสเซลส์ ในเวลา 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษ วันนี้ ก่อนที่นายจอห์นสันจะประชุมตามกำหนดกับกลุ่มส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยมในเวลาต่อไป โดยระหว่างนี้การเจรจา Brexit ยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

ด้านนายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าผู้เจรจา Brexit ของ EU มีกำหนดที่จะชี้แจงต่อคณะทูตของ 27 ชาติสมาชิก EU ในช่วงบ่ายวันนี้ว่า จะมีการลงนามข้อตกลงโดยบรรดาผู้นำ EU หรือไม่ในระหว่างการประชุมซัมมิต และหากไม่สามารถเจรจาทำข้อตกลงกับทางฝ่าย EU ได้ นายจอห์นสันก็อาจจะถูกบีบโดยกฎหมายให้ต้องเลื่อนกำหนดเส้นตายในการออกจาก EU ออกไปจากวันที่ 31 ต.ค.

อย่างไรก็ตาม รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบรรดาบริษัทจดทะเบียนยังออกมาดี โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา บวกกว่า 2% หลังผลกำไรของธนาคารออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ บวก 1.5% หลังสายการบินรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ดีเกินคาดเช่นกัน