5ปีที่รอคอย”ขสมก.”ยิ้มออกหลังครม.ไฟเขียวแผนฟื้นฟู ล้างหนี้แสนล้าน-ซื้อรถเมล์ใหม่

ครม.ไฟเขียวแผนฟื้นฟูขสมก.

เดินหน้าซื้อรถใหม่-ปรับปรุง3พันคัน

ลดพนักงานใน3ปี 5พันคนปรับค่าโดยสารล้างหนี้แสนล้าน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ครม.มีมติอนุมัติแผนฟื้นฟูองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ซึ่งแผนนี้ได้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 57 ซึ่งจะทำให้ ขสมก.สามารถดำเนินการจัดหารถใหม่เมล์เอ็นจีวี รถเมล์ไฮบริด และรถเมล์ไฟฟ้าEV และการปรับปรุงสภาพรถเมล์เดิม ซึ่งการจัดหารถเมล์ใหม่จะแบ่งเป็นการเช่า และ การจัดซื้อรถเพื่อเพิ่มประสิทธิการการบริการ รวมทั้งสิ้น 3,000 คัน จากเดิมที่ ครม.เคยอนุมัติไว้ที่ 3,183 คันมูลค่า 13,000ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขอทบทวนมติครม.โดยอยู่ระหว่างการขออนุมัติจากสภาพัฒน์   ทั้งนี้ในแผนฟื้นฟูที่ให้เช่ารถและจัดหารถ จะมีการเช่ารถจำนวน700คันประกอบด้วย รถเมล์เอ็นจีวี 300คัน รถไฮบริด 400 คัน ส่วนการจัดหารถใหม่นั้นรวม2,300คัน แบ่งเป็น จัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้ว จัดหารถไฮบริด 1,453 คัน รถเมล์ไฟฟ้าEV35คัน และรถปรับปรุงใหม่ 323 คัน 

นอกจากนั้นขสมก.จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้กับรถเมล์ที่วิ่งให้บริการ ทั้งการติดตั้งระบบเก็บเงินแบบดิจิทัล หรือ E-Ticket ให้ผู้โดยสารชำระค่าโดยสารด้วย คิวอาร์โค้ด นอกจากนั้นจะติดตั้งระบบ จีพีเอส รวมถึงให้บริการไวไฟบนรถเมล์ที่ให้บริการ นอกจานกั้น ขสมก.จะมีการปรับปรุงเส้นทางเดินรถเมล์ใหม่ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าโดยจะปรับเส้นทางรถจากปัจจุบันให้บริการอยู่117เส้นทาง เป็น137 เส้นทาง ซึ่งขั้นตอนของการปรับปรุงเส้นทางนั้นขณะนี้ทางกรมการขนส่งทางบกเตรียมเสนอให้สภาพัฒน์พิจารณา

นายอาคม กล่าวต่อว่า ขสมก.จะต้องมีการเปิดโครงการสมัครใจร่วมใจจาก (เออร์รี่ รีไทร์)พนักงาน ขสมก.รวมทั้งสิ้น 5,000 คนจากพนักงาน ขสมก.ทั้งหมด 13,000 คน โดยในแผนฟื้นฟูได้ระบุว่าพนักงานประจำรถ ขสมก.1คัน จากเดิมมีพนักงานประจำรถ 5.14 คน/คัน ต้องลดลงเหลือ 2.7คน/คัน โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่ปี63-65 โดยในปี63 ลดพนักงานขสมก.ลง700คน ปี64 ลดพนักงาน ขสมก.จำนวน 2,198 คน และปี65ลดพนักงานจำนวน 2,198 คน ซึ่งพนักงานที่เข้าโครงการเพิ่อปรับโครงสร้างองค์กรให้เล็กลง ขสมก.จะต้องใช้งบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท


อย่างไรก็ตามในแผนฟื้นฟูกิจการขสมก.ให้เกิดประสิทธิภาพ ขสมก.จะเดินหน้าพัฒนาเชิงธุรกิจเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับ ขสมก. โดยจะนำที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ ที่มีศักยภาพ 2 แห่ง มาพัฒนาเชิงพาณิชย์คือ พื้นที่บริเวณอู่บางเขน และ พื้นที่อู่มีนบุรี

นอกจากนั้นในแผนฟื้นฟูจะมีการดำเนินการบริหารหนี้สินที่ ขสมก.มีอยู่ในปัจจุบันจำนวนกว่า 120,000 ล้านบาท โดยจะเสนอกระทรวงการคลังให้รับภาระหนี้สินแทน ซึ่งในส่วนนี้ต้องไปพิจารณาว่ามีหนี้ส่วนใดบ้าง เช่น หนี้ที่เกิดจากนโยบายกว่า 80% และหนี้เพิ่มประสิทธิภาพ กว่า20% ประกอบด้วยหนี้ค่าซ่อม หนี้ค่าน้ำมัน หนี้เงินกู้มาจ่ายดอกเบี้ย เป็นต้น ซี่งจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา1ชุดเพื่อพิจารณาหนี้สิน

นายประยูร ช่วยแก้ว ผอ.ขสมก. กล่าวว่า ประชาชนจะเห็นรถเมล์ใหม่ที่จะเข้ามาให้บริการ1,053 คันเริ่ม เดือนมิ.ย.63 แบ่งเป็น ซ่อมปรับปรุงรถเก่า323 คัน และเช่าเอ็นจีวี 300คัน ไฮบริด 400 คัน และรถเมล์ไฟฟ้า 35 คัน นอกจากนั้นตั้งแต่ปัจจุบันถึงปี66 ขสมก.จะใช้อัตราค่าโดยสารตามที่คณะกรรมการขนส่งทางบกอนุมัติไว้ปลายปี61  และปลายปี 67 ตามแผนฟื้นฟูจะเสนอขอคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางปรับค่าโดยสารอีก 1 บาท/คน/เที่ยว อย่างไรก็ตามหาก ขสมก.ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูจะทำให้ ขสมก.อยู่ได้และเดินได้เองได้ตั้งแต่ปี66จนมาถึงปี 88 ขสมก.จะสามารถใช้หนี้ได้ครบเต็มจำนวน