2 แบรนด์ร้านอาหารดัง ปรับธุรกิจรุกแฟรนไชส์สตรีทฟู้ด ซีอาร์จี เร่งขยายร้าน “อร่อยดี” ส่วน ฟู้ดแพชชั่น ลุย “หมูทอดกอดคอ” 100 สาขา

ธุรกิจร้านอาหาร 2 แบรนด์ดัง ปรับตัวครั้งใหญ่ลุยแฟรนช์ไชส์สตรีทฟู้ดรองรับยุคโควิด ที่สร้างผลกระทบกำลังซื้อและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยแบรนด์บาร์บีคิว พลาว่า เปิดขายแฟรนไชส์หมูทอด เริ่มแรกทางปั๊มพีทีและเทสโก้โลตัส เปิดให้เข้าไปจำหน่าย พร้อมสถาบันการเงินให้เงื่อนไขสินเชื่อพิเศษ ส่วนซีอาร์จีของเซ็นทรัล เตรียมเปิดแฟรนไชส์ แบรนด์อาหารไทย “อร่อยดี” ตั้งเป้า 5 ปี 300 สาขา คิดเป็นมนส่วนแฟรนไชส์ 70%

นางชาติยา สุพรรณพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฟู้ดแพชชั่น จำกัด  เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารบาร์บีคิว พลาซ่า เปิดเผยว่า ทางบริษัทผลกระทบของวิกฤตโควิดทำให้แผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้หยุดหมดและได้ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ทั้งหมด นับตั้งแต่การเปิดแพล็ตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่รวมร้านค้าออนไลน์แล้ว ยังได้ปรับทิศทางธุรกิจออกไปนอกร้านอาหารและโมเดลธุรกิจอาหารใหม่ๆ  

ล่าสุด ได้เปิดแฟรนไชส์ “หมูทอดกอดคอ” โดยร่วมมือกับ 6 พันธมิตรที่จะร่วมสนับการเปิดธุรกิจครบวงจรนับตั้งแต่สถานีบริการน้ำมัน PT, เทสโก้ โลตัส, ธนาคารกสิกรไทย, กรุงศรีคอนซูเมอร์, บัตรกรุงไทยและบริษัทชูใจกะกัลยาณมิตรซึ่งเป็นครีเอทีฟ เอเยนซี่ ซึ่งจะช่วยหาทำเลให้ผู้ที่ต้องการหาอาชีพในช่วงนี้ ด้วยการลงทุนเริ่มต้นที่ 11,900 บาท และทางสถาบีนการเงินจะช่วยเรื่องเงินทุนด้วยการเปิดให้ผ่อนชำระยาว 10-24 เดือนและคิดดอกเบี้ยต่ำ

“ช่วงล็อกด่าวน์เราคุนกันมากว่าจะดิ้นรนให้องค์กรอยู่รอด และช่วยสร้างโอกาสให้คนมีอาชีพ  จากประสบการณ์ด้านอาหารมากว่า 33 ปี เรามั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้คนที่ต้องการมีอาชีพสร้างได้รายได้จากการขายหมูทอดกอดคอนี้โดยเป้าหมายยอดขายวันละ 2,000 บาท กำไร 40% ถึงสิ้นปีนี้จะขยายสาขาได้ 100 สาขาในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ยิ่งไปกว่านั้นการจับมือพันธํมิตรยักษ์ใหญ่ท้งหลายจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้การลงทุนแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น”

นางชาติยา กล่าวว่าปัจจุบันร้านอาหารของบริษัทมี 5 แบรนด์​ 183 สาขาทั่วประเทศ และ 30 สาขาในต่างประเทศ ปัจจุบันร้านอาหารในไทยกลับมาเปิดให้บริการครบหมดแล้ว แต่รายได้ลดลงเหลือ 70-80% ทำให้บริษัทต้องขยายการลงทุนให้หลากหลาย 

“โควิดส่งผลกระทบยิ่งใหญ่มากเราต้องฝ่าพายุครั้งใหญ่นี้ให้ได้ ตั้งแต่ล็อกดาวน์ 22 มี.ค. เราดิ่นรนสู้เพื่อให้องค์กรและคนรอด เราคุยกันว่าจะทำอะไรหาทางรอดให้ธุรกิจและคน คิดมเดลธุรกิจหลากหลายมาก วิสัยทัศน์ของเราคือดูแลผู้คนให้มีความสุขโดยมีมือาหารเป็นสื่อกลาง แต่ขณะนี้ บริษัทปิดตัว ปลดพนักงาน ลดเงินเดือน เราคิดว่าจะทำยังไงกับวิสัยทัศน์นี้ จึงคิดแฟรนไชส์หมูทอดขึ้นมา สร้างโอกาสให้ผู้คนที่ต้องการหาอาชีพ บางคนอาจเหลือเงินเก็บก้อนสุดท้ายเพื่อมาทำธุรกิจสร้างรายได้่ขึ้นมา” 

ด้านนายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัดหรือซีอาร์จี กล่าวว่า ซีอาร์จี ดำเนินธุรกิจร้านอาหารมา 42 ปี ในปีที่ผ่านมาได้ขยายธุรกิจร้านอาหารจานด่วน “อร่อยดี” เป็นแบรนด์ร้านอาหารไทยจานด่วน จนถึงขณะนี้มี 25 สาขา  สาเหตุที่ได้ผลตอบรับดีเพราะสะดวก รับประทานได้ทุกวัน สะอาด และราคาไม่แพงคุ้มค่า  ถึงจุดอยากขยายธุรกิจออกไปวงกว้าง เลยตัดสินใจขายแฟรนไชส์ ซึ่งมอง่ว่าจะมาตอบโจทย์ธุรกิจว่ามีเจ้าของแบรนด์มาดูแลมาตรฐานและส่งเสริมการขายและสามารถดำเนินการได้เลย มีสถาบันการเงิรให้สินเชื่อ โดยใช้เงินลงทุนสาขาละ 2-3 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้เดือนละ 5 แสนบาทต่อสาขากำไรสุทธิ 17% 

“สำหรับผลกระทบโควิด-19 ทางแบรนด์อร่อยดีไม่กระทบมากนักเนื่องจากยอดขายกว่า 70% มาจากเดลิเวอรี่ และร้าน 53% อยู้ในสถานีบริการน้ำมันและ 16% อยู้ในคลาวด์คิทเช่นและแกร็บคิทเช่น เป้าหมายของการขยายสาขาแบรนด์อร่อยดีต่อไปปีละ 10 สาขาและ 5 ปี 300 สาขา แบ่งเป็นแฟรนไชส์ 70% และซีอาร์ซีลงทุนเอง 30%”

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าธุรกิจร้านอาหารในปีนี้จะมีมูลค่ารวม 3.85-3.89 แสนล้านบาท อัตราการเติบโตติดลบประมาณ 9.7-10.5%  เนื่องจากผลกระทบจากโควิด และพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป 

“การแข่งขันในธุรกิจรืานอาหารค่อนข้างรุนแรงมาก รุกบริการใหม่ๆ คลาวด์คิเช่น ฟูดเดลิเวรี่ ออกเมนูใหม่ โปรโมชั่นแรงเพื่อผลักดันยอดขาย เราเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่มั่นใจว่าประคองตัวไปได้ แค่รายเล็กน่าเป็นห่วงมีหลายรายที่ปิดกิจการไปแล้ว”