คณะกรรมการนโยบายอาหาร เห็นชอบนำเข้าข้าวโพด-กากถั่วเหลืองปี 67-69 ตามกรอบดับบลิวทีโอ-อาฟตาทั้งในและนอกโควตา
- กรมการค้าต่างประเทศเร่งออกระเบียบนำเข้า
- เปิดรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้อง 25 ต.ค.-8 พ.ย.นี้
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการนโยบายอาหาร เห็นชอบกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลือง) สำหรับปี 67-69 โดยให้คงนโยบายและมาตรการฯ เช่นเดียวกับปี 64-66 ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การนำเข้าภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ปริมาณ 54,700 ตันต่อปี อัตราภาษี 20% ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้นำเข้าและนอกโควตา ให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลนำเข้า ไม่จำกัดปริมาณ อัตราภาษี 73% และค่าธรรมเนียมพิเศษการนำเข้า 180 บาท/ตัน
สำหรับกรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ให้ อคส. นำเข้าไม่จำกัดช่วงเวลา และผู้นำเข้าทั่วไปให้นำเข้าระหว่างวันที่ 1 ก.พ.-31ส.ค.ของแต่ละปี โดยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานควบคุมการนำเข้าตามพ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 ส่วนกากถั่วเหลืองเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ กรอบดับบลิวทีโอ ในโควตา ไม่จำกัดปริมาณและช่วงเวลานำเข้า อัตราภาษี 2% ผู้มีสิทธินำเข้า 11 รายและนอกโควตา อัตราภาษี 119% ไม่จำกัดปริมาณ โดยกรมการค้าภายใน ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายอาหาร อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ
“กรมในฐานะหน่วยงานในการออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง จึงได้จัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเข้าข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน สำหรับปี 67-69 และ (ร่าง) ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลกสำหรับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสินค้ากากถั่วเหลืองเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ สำหรับปี 67-69 รวมจำนวน 3 ฉบับ เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนและประกาศบังคับใช้ต่อไป”
ดังนั้น จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร รวมทั้งผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านระบบกลางของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (www.law.go.th) และเว็บไซต์กรม www.dft.go.th ได้ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.-8 พ.ย.66 โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมโทร. 1385 หรือโทร. 02-547-4734
