ไปต่อไม่ไหว! ดาวโจนส์กลับมาติดลบ หลัง “ทรัมป์”ขู่ขึ้นภาษีจีนรอบใหม่

  • ยอมรับกระแสข่าวเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯไม่คืบ
  • เทขายหุ้นแบงก์ผลประกอบการไม่น่าพอใจ
  • นักลงทุนหาสัญญาณ “เฟดลดดอกเบี้ย”ปลายเดือน

ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กวันที่ 16 ก.ค.พลิกกลับมาปิดลบ หลังจากที่ปรับขึ้นในช่วงระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า ขณะที่ผลประกอบการธนาคารขนาดใหญ่ออกมาไม่น่าพอใจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,335.63 จุด ลดลง 23.53 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,004.04 จุด ลดลง 10.26 จุด หรือ -0.34% ส่วนดัชนี แนสแด็กส์ คอมโพซิท ปิดที่ 8,222.80 จุด ลดลง 35.39 จุด หรือ -0.43%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับกระแสข่าวในช่วงที่ผ่านมา ที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนยังคงไม่คืบหน้า และยังคงอยู่ห่างไกลจากการบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยกลับมาขู่จีนอีกครั้งวา หากไม่มีความคืบหน้า สหรัฐฯสามารถเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ หากสหรัฐต้องการ

นักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าอีกครั้ง และยังส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ถอยร่นลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ โดยธนาคารเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยกำไรที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่รายได้จากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง ส่งผลให้หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.57% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.8% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดตัวขึ้น 1.8% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 1.1%

ขณะเดียวกันยังมีแรงเทขายทำกำไร หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดยปิดร่วงลง 1.6% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.58 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.46 ดอลลาร์/หุ้น หุ้นเฟซบุ๊กปิดขยับลงเล็กน้อย หลังจากเฟซบุ๊กระบุว่าทางบริษัทจะยังไม่เปิดตัวสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่เรียกว่า Libra จนกว่าจะมีการคลี่คลายความวิตกด้านกฎระเบียบ ภายหลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐแสดงความกังวลว่า สกุลเงิน Libra อาจถูกใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ นักลงทุน ยังคงรอการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมาต่อเนื่อง รวมทั้ง จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมา เพื่อจับสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

โดยขณะนี้ มีบริษัทราว 5% ของดัชนี S&P 500 ที่ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มากกว่า 85% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการลดลง 3% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงของผลประกอบการรายไตรมาสครั้งแรกในรอบ 3 ปี