ไทย พบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม 143 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสม 1,388 ราย

  • ผู้ป่วยเสียชีวิต ไปสนามมวยลุมพินี และสนามมวยที่จังหวัดนนทบุรี 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวเลา 10.00 น. วันที่  29 มีนาคม 2563  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.  ได้แถลงข่าวการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ประจำวันนี้ (29 มี.ค.)​ ว่า  วันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 143  ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 1,388   ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ทำให้ประเทศไทยมีผู้เสีย 7 ราย 

นพ.ทวีศิลป์​ กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิตที่ได้รับรายงานวันนี้ (29 มี.ค.)​ เป็นชายชาวจังหวัดนนทบุรี อายุ 68  ปี ได้ไปดูมวยที่สนามมวยลุมพินี และสนามมวยที่จังหวัดนนทบุรี และไปร่วมงานเลี้ยง ที่มีผู้ร่วมงานเป็นจำนวนกว่า1,000คน มีอาการเป็นไข้ไม่สบาย แล้วไปหาหมอที่โรงพยายาลแห่งหนึ่ง หมอที่รักษาวินิจฉัยอาการว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ให้ยาและกลับมารักษาอาการที่บ้าน หลังจากนั้นมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ญาติพาส่งโรงพยาบาลอีกแห่งหนื่ง แต่เสียชีวิตเนื่องจากปอดไม่ทำงาน หมอได้ทำการตรวจวินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19


นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วยนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 11 ราย และมีผู้ป่วยเพิ่ม 143 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้  

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 70 ราย ได้แก่กลุ่มสนามมวย 5 ราย, กลุ่มสถานบันเทิง 15 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 49 ราย และผู้ร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 1 ราย

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 43 ราย ได้แก่ กลุ่มที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทั้งคนไทยและคนต่างชาติ 22 ราย, กลุ่มผู้ทำงาน/อาศัย และเดินทางไปในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมากหรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 8 ราย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 8 ราย และกลุ่มอื่นๆ ตามเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น ปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 5 ราย

กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 30 ราย

“วันนี้มีผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 68 ปี มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน มีอาการเหนื่อยหอบ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตรวจพบปอดอักเสบ และภาวะวิกฤติระบบทางเดินหายใจจึงส่งต่อไปที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า อาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตวันที่ 26 มีนาคม 2563 ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก17 ราย มีอาการปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจและเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด ในจำนวนนี้ 1 ราย ใช้เครื่องECMO อาการอยู่ในภาวะวิกฤต สรุปวันนี้ มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 111 ราย รักษาในโรงพยาบาล 1,270 ราย เสียชีวิต 7 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 1,388 ราย”

สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอิตาลี จำนวน 83 คนที่ได้กักตัวเฝ้าระวังสังเกตอาการที่อาคารรับรองฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งในวันนี้ครบ 14 วัน ทุกคนได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่พบเชื้อ กลับบ้านได้ทั้งหมดทุกคนอาการปกติ

ส่วนผู้ป่วยที่อาการวิกฤตจำนวน 17 ราย ร้อยละ 50 เป็นผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 70 ปี และมีโรคเรื้อรังประจำตัว  จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญ ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป จำนวน 4.7 ล้านคน (ข้อมูลจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ) จึงขอให้กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งได้แก่ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว และกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปีลงมา ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ขอให้อยู่ในเคหสถานหรือสถานที่พัก อยู่ในบ้าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสภาพแวดล้อมภายนอก และเมื่อมีอาการป่วย มีไข้ ไอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ ให้รีบพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที ลดอัตราการเสียชีวิต