ไทยครองแชมป์อันดับ1ส่งออกยางพารามากสุดในโลก

  • พาณิชย์เผยอานิสงส์16ประเทศคู่เอฟทีเอลดภาษีนำเข้าให้ไทย
  • ยันมีเพียงจีน-อินเดียที่ยังเก็บภาษีนำเข้ายางพาราบางรายการ
  • เดินหน้าเจรจาผลักดันลดให้ไทย-แนะผู้ส่งออกรักษามาตรฐาน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่ไทยลงนามความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับ 13 ประเทศ 18 ประเทศ ส่งผลให้ไทยครองแชมป์ส่งออกยางพาราได้เป็นอันดับ 1 ของโลก โดยในปี 61 ส่งออกได้มูลค่ากว่า 4,602 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 1.82% ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทย โดยมีจีนเป็นตลาดอันดับ 1 มูลค่า 1,960 ล้านเหรียญฯ สัดส่วน 43% ของการส่งออกยางพาราทั้งหมดของไทย เพราะประเทศคู่เอฟทีเอ ได้ลดภาษีนำเข้ายางพาราให้กับไทย สร้างแต้มต่อทางการค้า ช่วยผลักดันให้การส่งออกสินค้ายางพาราไทยเติบโตขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบัน 16 ประเทศคู่เอฟทีเอ คือ อาเซียน 9 ประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ายางพาราทุกรายการให้ไทยแล้ว มีเพียงจีนและอินเดีย ที่ยังคงเก็บภาษีบางรายการ เช่น อินเดีย เก็บภาษีนำเข้าน้ำยางธรรมชาติ 70% ยางแผ่นรมควัน 20% ขณะที่ จีน เก็บภาษียางพารา 20% และเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าการส่งออกปี 61 กับปี 35 ซึ่งเป็นปีก่อนที่ไทยจะมีเอฟทีเอฉบับแรกกับอาเซียนจะมีผลบังคับใช้ พบว่า ไทยส่งออกยางพาราไปตลาดโลกได้ 1,144 ล้านเหรียญฯ ขยายตัว 302%

อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันการส่งออกยางพาราประสบปัญหาจากการตอบโต้ทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ความต้องการยางพาราเพื่อใช้ผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น รถยนต์ ยางรถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์ ลดลง แต่เอฟทีเออาเซียน-ฮ่องกง และไทย-ออสเตรเลีย เป็นส่วนสำคัญทำให้การส่งออกยางพาราใน 2 ตลาดในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปี 62 ขยายตัว โดยฮ่องกง ขยายตัว 57% ขณะที่ออสเตรเลีย ขยายตัว 22% คาดว่า ในระยะยาวเอฟทีเอ จะช่วยให้ไทยสามารถครองความเป็นผู้นำการส่งออกยางพาราได้

“เพื่อรักษาสถานการณ์เป็นอันดับ 1 ในการส่งออกยางพารา กรมพร้อมเดินหน้าผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดยางพาราเพิ่มเติมให้ไทยภายใต้การเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ เช่น จีน อินเดีย ตุรกี ศรีลังกา ปากีสถาน อาร์เซ็ป เป็นต้น ขณะเดียวกัน ขอให้ผู้ประกอบการไทยมุ่งเน้นรักษามาตรฐานการผลิตควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดด้วย” นางอรมน กล่าว