ไข่ไก่ราคาลงเหลือฟองละ2.60บาท

  • เหตุผลผลิตเกินความต้องการจนเกือบล้นตลาด
  • เพราะชาวบ้านเลิกตื่นตุน-มาตรการคุมส่งออกได้ผล
  • เร่งกระจายไป3จังหวัดชายแดนใต้หลังมาเลย์ปิดด่าน

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาตรการห้ามส่งออกไข่ไก่ชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้ ทำให้ขณะนี้ มีปริมาณไข่ไก่เพิ่มมากขึ้นผลผลิตมีเพียงพอกับความต้องการบริโภค จนบางจังหวัดเริ่มมีปริมาณล้นตลาด และราคาปรับลดลง แต่ยังพบว่า ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ซึ่งไม่ใช่แหล่งผลิตไข่ไก่ ปริมาณยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ดังนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จึงได้สั่งการให้มีการเร่งกระจายไข่ไก่ลงไปใน 3 จังหวัดโดยด่วนแล้ว

 “3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีลักษณะพิเศษ คือ มีฟาร์มไข่ไก่ในพื้นที่น้อย ใช้ระยะทางที่ไกลในการขนส่ง จากนอกพื้นที่ จึงบริโภคไข่ไก่จากมาเลเซีย แต่ขณะนี้ การนำเข้าติดขัดเนื่องจากสถานการณ์โควิค ที่ต้องปิดด่าน ทำให้ไข่ไก่ราคาสูงขึ้น  รมว.พาณิชย์จึงสั่งการให้ส่งไข่ไก่ไป 3 จังหวัดเพิ่มเติมเป็นการเร่งด่วนแล้ว”

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ ราคาไข่ไก่คละ หน้าฟาร์มปรับ ได้ลดลงจากฟองละ 2.80 บาท เหลือฟองละ 2.60 บาท ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายรัฐบาลในการดูแลแก้ปัญหาให้มีผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการในช่วงก่อนหน้านี้ ที่ประชาชนตื่นตระหนกตุนไข่ไก่ไว้รองรับช่วงการกักตัวอยู่บ้าน เพื่อหยุดการแพร่เชื้อของไวรัสโควิด-19 ทั้งการห้ามส่งออกชั่วคราว การยืดอายุแม่ไก่ยืนกรง เป็นต้น รวมถึงประชาชนเลิกตื่นตุนแล้ว ทำให้ล่าสุด สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และราคาลดลงแล้ว

“ตอนนี้ สถานการณ์ไข่ไก่เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนของการกระจายไข่ไก่ไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ได้หารือกับภาคเอกชนแล้ว น่าจะสามารถกระจายไข่ไก่ลงในพื้นที่ และผู้บริโภคซื้อได้ในราคาฟองละ 3.50-3.60 บาทสำหรับไข่ไก่เบอร์ 3 ซึ่งราคาจะสูงกว่ากรุงเทพฯฟองละ 10-20 สตางค์อยู่แล้ว เพราะมีค่าขนส่งด้วย โดยราคาที่กรุงเทพฯฟองละ 3.40-3.50 บาท”

สำหรับประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่ห้ามการส่งออกไข่ไก่เป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้นั้น เมื่อสถานการณ์ผลผลิตมีมากขึ้นจนเกินความต้องการผู้บริโภคในประเทศ ก็ไม่จำเป็นต้องต่ออายุมาตรการออกไปอีก และจะหมดระยะเวลาบังคับใช้วันที่ 30 เม.ย.นี้ จากนั้นก็จะกลับมาส่งออกได้ตามปกติ