แบงก์ชาติ ยันติดตามเศรษฐกิจไทย หากเปลี่ยนแปลงรุนแรง กนง.สามารถตัดสินใจปรับดอกเบี้ยนโยบายได้

  • ระบุเข้าไปดูแลค่าบาทไม่ให้กระทบธุรกิจ
  • หากเงินร้อนเข้าผิดปกติ พร้อมออกมาตรการ
  • ชี้ดอกเบี้ยไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท.คาดเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยหนุนจากความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายของภาครัฐ ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนที่รอดูอยู่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณ แม้ว่าจะชะลอไปประมาณ 1 ไตรมาส แต่จะมีความชัดเจนมากขึ้นน และหากจำเป็นรัฐบาลใหม่สามารถทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้

“คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งที่ผ่านมา แม้ว่าจะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลง เพราะเรามองว่าปีหน้า เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาดีขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินทันที แต่หากสถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงรุนแรงจากที่เคยประเมินไว้ สามารถตัดสินใจปรับดอกเบี้ยนโยบายได้ ขึ้นกับการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาในแต่ละช่วง”

ผู้ว่าการธปท. กล่าวต่อถึงกรณีที่ธนาคารกลางบางประเทศในภูมิภาคปรับลดดอกเบี้ยลงว่า เนื่องจากดอกเบี้ยของประเทศเหล่านั้นสูงกว่าไทย และได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดอกเบี้ยของไทยถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ขณะเดียวกัน กนง.ยังคงกังวลกับเสถียรภาพระบบการเงิน เพราะไทยยังมีหนี้ครัวเรือนสูง

ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทนั้น นายวิรไทย กล่าวว่า มีสาเหตุสำคัญจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้้เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมา ธปท.ได้เข้าดูแลค่าเงินบาทเป็นช่วงๆ ในเวลาที่เคลื่อนไหวผันผวนเร็วเกินไป จนกระทบต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ และหากเห็นการไหลเข้ามาของเงินทุนต่างชาติที่ผิดปกติ หรือทำให้ค่าเงินบาทผิดไปจากปัจจัยพื้นฐาน ธปท.ก็มีมาตรการพร้อมจะออกมาดูแล โดยยืนยันว่า เราไม่ต้องการเปิดรับเงินที่เข้ามาพักช่วงสั้นๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นการเข้ามาลงทุนระยะยาว