บัญชีทวิตเตอร์ของผู้ใช้นาม Stve Giordano ได้โพสต์ถึงเรื่องราวน่าสนใจในแวดวงการบิน โดยระบุว่า เที่ยวบินตรงที่ยาวที่สุดในโลกคือบริการของสิงคโปร์แอร์ไลน์ระหว่างสิงคโปร์ (SIN) และนิวยอร์ก (JFK) ซึ่งเป็นเที่ยวบินประมาณ 18 ชั่วโมงครอบคลุมระยะทาง 9,537 ไมล์ หรือราว 15,348.31 กิโลเมตร เที่ยวบินนี้ใช้เวลานานมากจนต้องบินโดยเครื่องบิน A350-900ULR ที่กำหนดค่าไว้เป็นพิเศษพร้อมความจุน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติม
โดยเขาอยู่บนเครื่องบินไฟล์ท SQ24 มุ่งหน้าสู่มหานครนิวยอร์ เห็นภาพบนเครื่องบินโล่ง มีผู้โดยสารทั้งหมด 11 คนเท่านั้น พร้อมลูกเรือ 13 คน (ลูกเรือ 9 คนและนักบิน 4 คน)
เครื่องบินแอร์บัส A350-900ULR มีที่นั่งทั้งหมด 161 ที่นั่งซึ่งเป็นรูปแบบที่เบาบางเป็นพิเศษเนื่องจากเครื่องบินไม่มีชั้นประหยัด แต่มีที่นั่งชั้นธุรกิจ 67 ที่นั่งและที่นั่งชั้นพรีเมียมประหยัด 94 ที่นั่ง
ชณะเดียวกันได้มีการลองเข้าไปดูการจองไฟล์ทบินของสิงคโปร์อย่างคร่าวๆ พบว่า
- เที่ยวบินของวันพุธขายไปแล้ว 20 ที่นั่ง – 10 ที่นั่งในชั้นธุรกิจ 10 ที่นั่งในชั้นพรีเมียมประหยัด
- เที่ยวบินของวันพฤหัสบดี 33 ที่นั่ง – 5 ที่นั่งในชั้นธุรกิจ 28 ที่นั่งในชั้นพรีเมียมประหยัด
- เที่ยวบินในวันศุกร์มี 25 ที่นั่ง – หกที่นั่งในชั้นธุรกิจ 19 ที่นั่งในชั้นพรีเมียมประหยัด
- และหากต้องการดูเที่ยวบินหนึ่งสัปดาห์จากเที่ยวบินปัจจุบัน 14 ที่นั่ง 4 ที่นั่งในชั้นธุรกิจและ 10 ที่นั่งในชั้นพรีเมียมประหยัด
เมื่อดูอัตราการซื้อที่นั่งแล้วเหตุใดสายการบินจึงรบกวนที่จะให้บริการเส้นทางนี้? เกิดคำถามมากมาย หากเที่ยวบินนี้ค่อนข้างว่างเปล่าอยู่เสมอเหตุใดสายการบินจึงให้บริการ? สายการบินเสียเงินกับเส้นทางนี้มากเท่าที่เราคิดไว้หรือไม่? เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเสียเชื้อเพลิงจำนวนมากนี้ไปกับผู้คนอีกหลายสิบคนทั่วโลก?
ความจริงก็คือในขณะที่เที่ยวบินภายในประเทศของสหรัฐฯมีผู้โดยสารหนาแน่นในปัจจุบัน แต่เที่ยวบินส่วนใหญ่ระหว่างประเทศมีข้อจำกัด ด้านพรมแดนme.shไม่มีผู้โดยสารมากนัก
แต่เที่ยวบินเหล่านี้ดำเนินการเพื่อขนส่งสินค้าเป็นหลักซึ่งยังคงต้องเดินทางระหว่างประเทศ ในบางกรณีสายการบินกำลังขนส่งวัคซีนต้านไวรัสโควิด-10และสินค้าอื่น ๆ ที่จำเป็นซึ่งต้องแข่งกับเวลา
สำหรับการเริ่มต้นการแพร่ระบาดในปีที่ผ่านมา สิงคโปร์แอร์ไลน์ระงับเส้นทางบินดังกล่าว แต่กลับเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา
