“เพื่อไทย” แพ็ค “ภูมิใจไทย” 212 เสียง เป็นเสียงตั้งต้นจัดตั้งรัฐบาล

“เพื่อไทย” แพ็ค “ภูมิใจไทย” 212 เสียง เป็นเสียงตั้งต้นจัดตั้งรัฐบาล สร้างพลังต่อรอง เพื่อให้มั่นใจขั้วนี้จัดตั้งรัฐบาลได้

  • การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีสส.เกินกึ่งหนึ่งแน่นอน
  • ภูมิใจไทยพร้อมสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
  • ยืนยันไม่มีพรรค 2 ลุง แต่เปิดรับเสียงโหวตเป็นรายบุคคล
  • “ไล่หนูตีงูเห่า” เป็นมิติทางการเมือง แค่เทคนิคการหาเสียง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล  หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวภายหลังการหารือระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยว่า เป็นการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย   โดยได้หารือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ พรรคภูมิใจไทยตอบรับการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากหารือ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยไม่ขัดข้องจะเข้าร่วม โดยมีเงื่อนไข 3 ข้อคือ  1.ไม่แตะต้องมาตรา112 และ2.จะไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย 3.ไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นพ้องในทิศทางเดียวกัน

นับแต่วันนี้เป็นต้นไปการบริหารราชการแผ่นดิน และการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย ยืนยัน หากยังไม่เชิญพรรคอื่นมา ก็จะมี 212 เสียง จากพรรคเพื่อไทย 141 เสียง และพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง  เพื่อให้การเชิญพรรคอื่นๆ จะได้มั่นใจขั้วนี้จัดตั้งรัฐบาลได้ ได้รับการแจ้งยืนยันจากพรรคเพื่อไทยว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีสส.เกินกึ่งหนึ่งแน่นอน ตามระบอบประชาธิปไตย และจะร่วมกันหาเสียงสนับสนุนทั้งจากสส.และสว. ช่วยกันทำงานให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ส่วนการเสนอเชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ภูมิใจไทยจะปฏิบัติตตามพรรคเพื่อไทยเสนอ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ขอบคุณพรรคภูมิใจไทยที่รับคำเชิญมาร่วมแถลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันกับพรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ไขภาวะวิกฤติเดดล็อกเป็นเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความยุ่งยากมาก และเงื่อนไข 3 ประการของพรรคภูมิใจไทยเรารับได้ ขอบคุณคำว่า 212 เสียงจะเป็นเสียงตั้งต้นในการจัดตั้งรัฐบาล ประเด็นข้อสงสัยห่วงใยตัดไป ไม่มีคำว่า 188 เสียง โอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จมีสูงเมื่อร่วมกับพรรคภูมิใจไทย มากกว่าการร่วมกับก้าวไกล ที่พรรคการเมืองหลายพรรค และสว.ไม่ยอมรับพรรคก้าวไกล ส่วนพรรค 2 ลุง คือพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เราได้แถลงชัดเจนไม่มีพรรค 2 ลุง แต่หากจะเข้ามาร่วมสนับสนุนโหวตนายกรัฐมนตรีคงเป็นเรื่องรายบุคคล

เมื่อถามว่าตอนหาเสียงพรรคเพื่อไทยได้ประกาศแคมเปญไล่หนูตีงูเห่า นพ.ชลน่านกล่าวว่า การรณรงค์หาเสียงของพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยย่อมมีกระทบกระทั่งกันบ้าง เช่นการรณรงค์ไล่หนูตีงูเห่า ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงเลือกตั้ง กิจกรรมแต่ละครั้งจัดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ มิติทางการเมือง เราไปขอคะแนนเสียงกับประชาชน เราไม่ได้ประกาศว่าเป็นศัตรูกับใคร แต่เป็นคู่แข่งขันกันจริง เทคนิคการหาเสียง วิธีการหาเสียง ต่างฝ่ายต่างมี

คำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย

  • พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
  • รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
  • เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่

พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้

  1. ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ
  2. จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.
  3. ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง
  4. จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
  5. การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน

หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้

7 สิงหาคม 2566