“เพื่อไทย” เผยผลหารือ พปชร. ยันไม่หนุนพรรคแก้ม.112 ย้ำไม่คุยปชป. มั่นใจ! โหวตนายกฯ 27 ก.ค.ได้เสียงเกิน 375 เสียง พร้อมนัด 8 พรรคร่วม ประชุมอังคารนี้
- ส่งทีมหารือส.ว.พรุ่งนี้
- ไม่เอาผิดม็อบบุกสาดแป้ง
- พยายามทำอย่างดีที่สุดไม่ปิดกั้นการแสดงออก
เมื่อเวลา 17.35 น.วันที่ 23 กรกฎาคม ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้หารือแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หารือเรื่องแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยได้แยกแถลงกับตัวแทนพรรคพปชร. ซึ่งจากการหารือกันนั้น เป็นการหาแนวทางหรือความเห็นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทางพรรคพปชร.ก็ยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวคิดการแก้มาตรา 112 และไม่สนับสนุนพรรคที่มีแนวคิดในเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ ปชป.ไม่มีกก.บริหาร และอยู่ในขั้นตอนเลือกตั้งไม่มีหัวหน้าพรรค เลยมองว่ายุ่งยากและลำบากกับเขาด้วย และยังไม่ได้เชิญมาหารือ และจากการฟังจากที่ประชุมในสภาแล้วก็พออนุมานได้ ต้องรอเสียงส.ส.และสว.เมื่อได้คำตอบชัดเจนแล้วก็จะเชิญ 8 พรรคมาร่วมหารือกันในวันที่ 25 ก.ค.เวลา 14.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย และหลังจากที่ประชุมร่วม 8 พรรคแล้ว ก็จะมาแถลงร่วมกันอีกรอบว่าทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างไร และในวันที่ 27 ก.ค. ก็จะรู้ว่าจะเสนอใครเข้าไปในสภา
ก็ต้องหารือกับ 249 เสียงของสว.ด้วย หวังว่าจะได้ก็จะพอดี และเราก็ได้ส่งคณะเจรจาไปหารือในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พรรคร่วมฝั่งสส.ที่เราจะไปตอบว่าหากมีเรื่อง ม.112 เขาไม่สามารถร่วมได้ และฟังจากสว.อีกทีหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 27 กรกฎาคม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงสนับสนุนถึง 375 เสียงหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ฟากฝั่ง สส. ค่อนข้างชัดเจนตามที่ได้แถลงต่อสื่อมวลชนไป ส่วนใหญ่มีเงื่อนไขที่แถลงไป ส่วนใหญ่ถ้าเป็น 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล และยังมีทิศทางอย่างนี้เขาไม่อาจสนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้ และเมื่อได้คำตอบจาก สว.ก็จะนำมาผนวกกัน ขึ้นอยู่กับ การตัดสินใจอยู่ที่การหารือ 25 ก.ค. จะเป็นอย่างไร
ส่วนกระแสมวลชนที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การแสดงออกทางสิทธิเสรีภาพของประชาชนเราเคารพ แต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่รุกราน วันนี้เราโดนแป้งกันหมด โดนกันทุกคน ส่วนการดำเนินคดีหรือไม่นั้น เราไม่อยากไปดำเนินคดีกับพี่น้องประชาชน เราเสียใจกับแขกที่เราเชิญมา เราห่วงความปลอดภัยของสื่อ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นก็คือความรับผิดชอบของพรรคเพื่อไทย
