“เจโทร-เจซีซี” ชมไทยมีมาตรการแก้โควิด-19 อย่างเหมาะสม

  • เดินหน้าหนุนไทยทุกด้าน ทั้งบริจาคเงิน-อุปกรณ์ทางการแพทย์
  • วอนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ส่งผลดีต่อธุรกิจต่างชาติ
  • พร้อมขอให้สนับสนุนค่าจ้างแรงงาน เพื่อลดการปลดพนักงาน

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้พบหารือกับ นายอัตสึชิ ทาเคทานิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทรและผู้แทนหอการค้าญี่ปุ่น – กรุงเทพฯ (เจซีซีโดยญี่ปุ่น ย้ำว่า นักลงทุนญี่ปุ่นในไทยได้แสดงความเข้าใจ และกล่าวชื่นชมรัฐบาลไทยที่มีมาตรการแก้ไขปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่เหมาะสม และสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลไทยด้วยการบริจาคเงินทุน และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วย เช่น บริจาคห้องตรวจหาเชื้อให้กับโรงพยาบาลรามาธิบดี

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ชี้แจงว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย เกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจของไทย และสถานการณ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย จัดทำโดยหอการค้าญี่ปุ่น ในช่วงวันที่ 18 ..-10 มิ..63 พบว่า  แม้เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในภาวะซบเซา เพราะการระบาดของโควิด-19 แต่ภาคธุรกิจและภาครัฐของไทย สามารถร่วมมือกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ นอกจากนี้ภาคธุรกิญี่ปุ่นในไทย และรัฐบาลไทย ยังมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย

กว่า 45% ของนักธุรกิจญี่ปุ่นในไทย ที่ตอบแบบสอบถามครั้งนี้ เห็นว่า รัฐบาลไทยมีมาตรการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่เหมาะสม และเข้าใจถึงความจำเป็นของรัฐบาลที่ต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างปัญหาปากท้อง และความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งได้สนับสนุนความพยายามของรัฐบาลไทยทั้งโดยการบริจาคเงินทุน และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วย” นายสรรเสริญ กล่าว

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่นักธุรกิจญี่ปุ่นในไทย ยังกังวล และต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ คือ ต้องการให้ไทยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งผลเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น เช่น สนับสนุนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นพิเศษ  หรือออกมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การสนับสนุนค่าจ้างแรงงานเพื่อลดการว่างงาน การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบริษัทต่างชาติ เป็นต้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยจึงควรเตรียมการและสื่อสารเรื่องกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง การออกวีซา และใบอนุญาตการทำงาน รวมทั้งกระบวนการคัดกรองและกักตัว ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างชัดเจน เพราะในเร็วๆ นี้ รัฐบาลไทยอาจคลายล็อคการเดินทางของนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาในไทย จึงควรสร้างความเชื่อมั่น และอำนวยความสะดวกให้ด้วย

นายสรรเสริญ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 และพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ที่สอดคล้องกับข้อเสนอของภาคเอกชนญี่ปุ่นหลายประการ เช่น ส่งเสริมการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการทำธุรกรรมติดตามสถานการณ์ห่วงโซ่การผลิตที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19 การมีบทบาทในเวทีโลก โดยเฉพาะการสนับสนุนความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมภายใต้กรอบอาเซียน เพื่อให้การผลิตและขนส่งสินค้าในภูมิภาคเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นต้น