เกียรตินาคินภัทรเปิดยุทธศาสตร์ครึ่งปีหลัง

  • เกียรตินาคินภัทรแจงสี่เบี้ยกำไรลดวูบ11.9%
  • เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยเน้นโตแบบระมัดระวัง
  • ชูบล.ภัทรเป็นหัวหอกปั๊มรายได้จากตลาดทุน

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 2,699 ล้านบาท ลดลง 11.9 % จากงวดเดียวกันของปี 2561 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะของตลาด ไม่ว่าจะการหดตัวของการลงทุนภาคเอกชน การส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งในอนาคตยังมีความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าและภัยแล้ง ทำให้ธนาคารเลือกที่จะเติบโตอย่างระมัดระวัง

“ครึ่งปีแรก สำหรับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ขนาดสินเชื่อของธนาคารยังคงสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่ 2.1 % โดยเฉพาะในกลุ่มของสินเชื่อบรรษัท เติบโต 17 % สินเชื่อลอมบาร์ด เติบโต 3.9 % และสินเชื่อธุรกิจ เติบโต 0.6 %”

สำหรับสินเชื่อลูกค้ารายย่อย ก็มีการขยายตัวในสินเชื่อเกือบทุกประเภทเช่นกัน มีเพียงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ธนาคารชะลอการเติบโตโดยมุ่งรักษาคุณภาพสินเชื่อ เพื่อลดการก่อตัวของหนี้เสียในสถานการณ์เศรษฐกิจหดตัว ทั้งนี้ แม้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ก็เป็นการปรับตัวตามความคาดหมายและตามรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ได้เพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่ารถยนต์ใหม่

ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจตลาดทุน ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของธุรกิจนายหน้าค้าหลักหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ภัทร หรือบล.ภัทร มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ธุรกิจวานิชธนกิจ ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังและปีหน้าจะมีรายได้จากธุรกรรมใหญ่หลายรายการที่บล.ภัทรได้รับเลือกให้ดำเนินการ และที่สำคัญธุรกิจ Wealth Management ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำเพิ่มขึ้น เป็น 547,000 ล้านบาท โดยยังคงรุกหน้าเพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความซับซ้อนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อาทิ Equity-Linked Notes, Principal-Protected Notes, Phatra Derivative Warrants และ Phatra Single Stock Future Blocktrade เป็นต้น ทั้งยังบุกเบิกบริการด้านการลงทุนตรงในสินทรัพย์ต่างประเทศที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นกองทุน หรือตราสารหนี้ ผ่านการร่วมมือกับบริษัทจัดการกองทุนระดับโลก อาทิ BlackRock และ PIMCO หรือแม้กระทั่งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ Private Markets เป็นครั้งแรกในประเทศไทยภายใต้ชื่อ Global Investment Service นอกจากนี้ ธุรกิจจัดการกองทุนที่ดำเนินการผ่านบลจ. ภัทร ก็มีการเติบโตดี มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการของกองทุนรวมเป็นจำนวนกว่า 69,891 ล้านบาท

นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจของธนาคารในระยะต่อไป แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ 1.การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นตัวเลือกของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เพราะการตัดสินใจของผู้บริโภคคือตัวชี้ขาดหนึ่งเดียวในการแข่งขันที่รุนแรง 2.การพัฒนาขอบเขตและขีดความสามารถทางด้านไอที เพราะอนาคตอยู่ที่โลกดิจิทัล 3.การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้บริโภคซึ่งต้องครบวงจรทั้งออฟไลน์และออนไลน์ และ4.การเสาะหา บำรุง และสร้างแรงจูงใจให้แก่บุคลากรคุณภาพ เนื่องจากคุณภาพคนคือตัวกำหนดคุณภาพของบริการที่จะออกสู่ผู้บริโภคในที่สุด