“อุตตม” เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ยกระดับบัตรคนจน

  • “อุตตม” เร่งแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้าน
  • ยกระดับบัตรคนจน-ปรับปรุงอัตราภาษี
  • เดินหน้าสานต่ออีอีซีในระยะยาว

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า  เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ร่วมหารือกับผู้บริหารและกระทรวงการคลัง เรื่องนโยบายรัฐบาลที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 25 ก.ค. นี้ ในเรื่องแผนปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ทำการพิจารณาแล้ว

ด้านนโยบายมีทั้งระยะสั้นที่ใช้งบประมาณในปี 2562 และแผนระยะยาวที่ต้องใช้งบ ปี 2563 เพื่อเป้าหมายของการลดความเหลื่อมล้ำทั้งระบบ สำหรับนโยบายเร่งด่วน เช่น ปัญหาปากท้องชาวบ้าน การจัดสินเชื่อให้เอื้อต่อการเข้าถึงของรายย่อย การยกระดับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ ครอบคลุมไปยังกลุ่มมารดาตั้งครรภ์ และเด็กแรกเกิด เด็กเรียนเรียนดีแต่มีปัญหาด้านรายได้ครอบครัว การเร่งรัดพัฒนาระบบบริการสุขภาพ การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่

ทั้งนี้จะมีการปรับปรุงงบประมาณปี 2563 เพื่ออัดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว การยกระดับค่าแรงงานแรกเข้าระบบแรงงาน และปรับค่าแรงให้สอดคล้องกับการพัฒนาศักยภาพและทักษะฝีมือแรงงาน

ขณะที่ระยะยาวในส่วนนโยบายกระทรวงการคลัง ได้แก่ การดูแลวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด โดยจะกำหนดสิทธิพิเศษทางภาษีของนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ การปรับโครงสร้างการจัดเก็บรายได้ภาครัฐ และปรับปรุงอัตราภาษีให้เหมาะสม ปรับปรุงภาษีรองรับยุคดิจิทัล เพื่อให้เอกชนมีศักยภาพในการแข่งขัน การจัดทำข้อมูลบิ๊ก ดาต้า (Big data) เพื่อการบริหารการเงินการคลัง

ด้านการออม ผลักดันให้ประชาชนทุกกลุ่มมีเงินออมระยะยาวรองรับวัยเกษียณ พัฒนาตลาดเงินตลาดทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ การปรับปรุงกฎหมายรองรับผู้ประกอบการใหม่ รวมถึงสานต่อเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รองรับศูนย์กลางการบิน ศูนย์กลางการแพทย์ของเอเชีย เมืองอัจฉริยะ การยกระดับภาคเกษตรเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน เพื่อสร้างสังคมเอื้ออาทร สร้างความเข้มแข็งในชุมชน

“สิ่งเหล่านี้จำเป็นจะต้องดำเนินการขับเคลื่อนทั้งระบบ เพื่อเร่งผลักดันให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนและเติบโตอย่างยั่งยืน”